โบรกแนะซื้อ SUN เป้า 5.85 บ. ลุ้นกำไร Q4 โต 186% รับยอดขายข้าวโพดพุ่ง
SUN โบรกชี้กำไรสุทธิไตรมาส 4/66 แตะ 105 ล้านบาท โต 186% คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น เพราะมีอุปทานข้าวโพดหวานมาก และอุปสงค์ตลาดต่างประเทศ-ในประเทศหนุน โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.85 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI ระบุในบทวิเคราะห์โดยประเมินถึง บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2566 จะอยู่ที่ 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อนหน้า
โดยคาดการณ์ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 849 ล้านบาท เพราะอุปทานข้าวโพดหวานเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวยมากขึ้นจากที่ประสบภาวะน้ำท่วมในช่วงปี 2565 อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่ายอดขายจะลดลง 16% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากปัจจัยฤดูกาล ในขณะเดียวกัน คาดการณ์ว่าอุปสงค์การส่งออกจะยังคงแข็งแกร่งจากกลุ่มลูกค้าหลัก อาทิ ญี่ปุ่น, เกาหลี, ไต้หวัน และเอเชีย
ขณะที่ในส่วนของตลาดในประเทศนั้นได้ออกวางจำหน่ายสินค้าพร้อมรับประทาน (RIE) ตัวใหม่มาในไตรมาส 4/2566 คือ ลำไยลอยแก้ว
ทั้งนี้ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะใกล้เคียงกับเป้าของบริษัทอยู่ที่ 19.49% เพิ่มขึ้น 4.8ppts เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการประหยัดต่อขนาด
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะลดลง 0.8% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการผลิตลดลง โดยคาดการณ์ว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะอยู่ที่ 9.9 (-2.5ppts เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี, +1 ppts จากไตรมาสก่อนหน้า) ในขณะเดียวกันคาดว่า SUN จะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 34 ล้านบาท จากเดิมที่มีกำไร 35 ล้านบาทในไตรมาส 4/2565 และจากขาดทุน 26 ล้านบาทในไตรมาส 3/2566) เพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 4/2566
ทั้งนี้จะใช้กลยุทธ์ขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในส่วนของตลาดในประเทศบริษัทจะใช้สินค้า RTE เป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโต ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ 200% เป็น 300,000 ชิ้น/วัน) เสร็จเรียบร้อยในช่วงไตรมาส 2/2567
นอกจากนี้ ผู้บริหารยังมีแผนจะออกวางจำหน่ายสินค้าใหม่ทุกเดือน ขณะที่ส่วนในตลาดส่งออกบริษัทตั้งเป้าจะแสวงหาตลาดใหม่ๆ อย่างเช่น สหรัฐซึ่งน่าจะเป็นโอกาสให้บริษัทสามารถขยายตลาดได้อย่างมากในระยะยาว อีกทั้งยังมีแผนพัฒนาสินค้า RTE ให้มีอายุการวางจำหน่ายนานขึ้น (shelve live) สำหรับส่งออกไปยังตลาดหลักในเอเชีย โดยยังไม่ได้รวมการขยายธุรกิจดังกล่าวเข้าไว้ในประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ ซึ่งน่าจะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิของฝ่ายนักวิเคราะห์มี upside อีกอย่างน้อย 20%
นอกจากนี้ฝ่ายนักวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” SUN โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 5.85 บาท (อิงจากค่า PER ที่ 10.5 เท่า โดยมองว่าประมาณการกำไรในปี 2567 ยังมี upside อีก เพราะใช้สมมติฐานที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศลคลง ซึ่งน่าจะทำให้สามารถจัดหาวัตถุดิบข้าวโพดหวานมาได้ตามแผนการผลิตที่กำหนดไว้ รวมถึงยังคาดการณ์ว่า SUN จะจ่ายเงินปันผลสูงโดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 6.4% สำหรับงวดปี 2566