AOT ฟ้าเปิดกำไรทะยาน!
การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยหลังวิกฤตโควิด โดยในปี 2566 มียอดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 28.04 ล้านคน
คุณค่าบริษัท
การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยหลังวิกฤตโควิด โดยในปี 2566 มียอดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 28.04 ล้านคน ถือเป็นปัจจัยหนุนสำคัญของผู้ประกอบการกลุ่มท่องเที่ยว หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ในฐานะเป็นประตูสู่ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจสนามบิน ปัจจุบันบริหารสนามบิน 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, แม่ฟ้าหลวง เชียงราย, หาดใหญ่ และภูเก็ต
ที่น่าสนใจ AOT ยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะช่วยหนุนการเติบโต เริ่มจาก 1)การปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges : PSC) สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โดยปรับจาก 700 บาทต่อคน เป็น 730 บาทต่อคน และค่า PSC สำหรับผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ปรับจาก 100 บาทต่อคน เป็น 130 บาทต่อคน โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2567 เป็นต้นไป
2)การเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 2566 ช่วยเพิ่มการรองรับได้อีก 15 ล้านคนต่อปี รวมทั้งเตรียมเปิดใช้งานทางวิ่ง (รันเวย์) 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเดือน ก.ค. 2567 ซึ่งสามารถรองรับเที่ยวบินเพิ่มได้เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง จากปัจจุบันอยู่ที่ 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
3)การออกมาตรการวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ เช่น คาซัคสถาน อินเดีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น และล่าสุดจีน ซึ่งเตรียมออกมาตรการวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเทียวจีนเป็นการถาวร โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เบื้องต้น AOT ประเมินปริมาณนักท่องเที่ยวจีนปี 2567 ไว้ที่ 8 ล้านคน สูงกว่าเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ 3.5 ล้านคน ใกล้เคียงกับเป้าหมายภายใน 2 ปีจะอยู่ที่ 11 ล้านคน
ขณะที่ ปีงบประมาณ 2567 (ต.ค. 2566-ก.ย. 2567) AOT ประเมินว่าจะมีผู้โดยสารรวม 120-130 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2562 (ก่อนเกิดโควิด) ที่มีผู้โดยสารรวม 141.87 ล้านคน
ด้านบล.พาย มองว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 1 ปี 2566/2567 (ต.ค.-ธ.ค. 2566) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิมากกว่า 5,000 ล้านบาท หลังจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน และ 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 28.9 ล้านคน นอกจากนี้ AOT ยังมีปัจจัยบวกเรื่องการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ซึ่งภาครัฐมีการประเมินนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 34-35 ล้านคน จากระดับ 28 ล้านคน ในปี 2566
ทั้งนี้ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่อาจฟื้นตัวช้ากว่าที่เคยคาดไว้ ทำให้มีการปรับลดจำนวนผู้โดยสารทั้งปีลงเหลือ 122 ล้านคน จาก 140 ล้านคน และทำให้ประเมินกำไรสุทธิได้ใหม่ที่ 23,716 ล้านบาท จากเดิม 27,735 ล้านบาท
บล.หยวนต้า ระบุว่า คงมุมมองเดิมสำหรับปีงบประมาณ 2566/2567 ของ AOT คาดกำไรฟื้นตัวเด่นต่อเนื่องในทุกไตรมาส อย่างไรก็ตามปรับลดกำไรปี 2566/2567 เป็น 2.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 139% จากปีก่อน จากการ 1)ปรับลดจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศลงเป็น 35 ล้านราย จาก 41 ล้านราย 2)ปรับลดจำนวนผู้โดยสารในประเทศลงเป็น 27 ล้านราย จาก 28 ล้านราย การปรับลงดังกล่าวทำให้สมมติฐานจำนวนผู้โดยสารรวมอยู่ที่ 124 ล้านราย ต่ำกว่า Guidance ปัจจุบันของบริษัท และ 3)ปรับเพิ่มสมมติฐานสัดส่วนค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้รวมให้ใกล้เคียงกับงบปี 2565/2566 ส่งผลให้กำไรปกติปี 2566/2567 ปัจจุบันต่ำกว่าที่ตลาดคาดราว 22%
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น AOT ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 102.38 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.43 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาดหลายเท่าตัว สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 8.15 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.37 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 77.73 บาท จากราคาต่ำสุด 72 บาท และราคาสูงสุด 85 บาท