“ชัยยศ” แนะซื้อ PLANB- SABINA ลุ้นงบไตรมาส 4/66 สดใส

“ชัยยศ จิวางกูร” ชี้ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัว หลังฟันด์โฟลว์ไหลออก-บอนด์ยีลด์พุ่งเหนือ 4% กดดัน แนะนำ “ซื้อ” PLANB- SABINA ลุ้นงบไตรมาส 4/66 ออกมาดี พ่วงดักเก็บ TU


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด มหาชน หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (17 ม.ค. 67) ว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังอยู่ในแดนลบ อ่อนตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ รับปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐ เงินเฟ้อ และตัวเลขจ้างงานที่ออกมาชะลอลงเพียงเล็กน้อย ทำให้นักลงทุนลดการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงในเดือนมีนาคม และคงดอกเบี้ยระดับสูงนาน สอดคล้องกับบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นกลับมาเหนือ 4% ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลออก และเป็นความกังวลต่อทิศทางตลาดหุ้น

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำการ Selective โดยแนะนำเป็น บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB คาดการณ์ว่าผลดำเนินงานไตรมาส 4/66 จะออกมาดี หลังจากอัตราการใช้งานพื้นที่สื่อยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานที่ 10.20 บาท

รวมถึงบริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA คาดการณ์กำไรในไตรมาส 4/66 จะอยู่ที่ 120 ล้านบาท เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อนและจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลงานไตรมาส 1/67 จะออกมาดีต่อเนื่อง จากมาตรการ Easy E-Receipt ช่วยกระตุ้นยอดขาย โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 33 บาท และมองว่าจะจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 5% ต่อปี

สำหรับกรณีการถอนลงทุนในเรด ล็อบสเตอร์ ซึ่งได้บันทึกด้อยค่าครั้งเดียวจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาทของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU นั้น เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนได้ เนื่องจากมองว่าหลังจากการถอนลงทุน และการขาดทุนจากเรด ล็อบสเตอร์ ประมาณ 1.2 พันล้านบาทจะหมดไป และจะเป็นปัจจัยที่เร่งกำไรของบริษัทสูงขึ้นได้ โดยหากลงมาที่แนวรับ 14 บาท จะถือเป็นจังวะที่ดีในการเข้าลงทุน

อย่างไรก็ตาม กรณีการประชุมผู้ถือหุ้นของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ถึงแม้ว่าจะมีการอนุมัติหรือไม่ก็ตาม ยังคงมองว่า Operation ของหุ้นค่อนข้างอ่อนแอ จากการติดลบต่อเนื่องย้อนหลัง 3 ปี แนะนำเป็นการเลือกหุ้นตัวอื่นในกลุ่มเดียวกันมากกว่า

ทั้งนี้ นายชัยยศ มีมุมมองเป็นกลางต่อการประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 4/66 ของหุ้นกลุ่มที่กำลังจะออกมา เนื่องจากมองว่าได้มีการบุ๊คค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบริหารและค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงานไปแล้ว

Back to top button