“ตลท.” กางแผนปี 67-69 มุ่งยกระดับ “ความเชื่อมั่น-เพิ่มศักยภาพลงทุน”

“ตลท.” ก้าวสู่ปีที่ 50 กางแผนยุทธศาสตร์ปี 67-69 ยกกระดับความเชื่อมั่นและเพิ่มศักยภาพการลงทุน มุ่งนำเทคโนโลยี AI ป้องปรามการกระทำผิด พร้อมหนุนธุรกิจ SME และ Start-up พัฒนาผลิตภัณฑ์ดึงดูดผู้ลงทุนผ่าน Live Platform พร้อมมุ่งสู่ Net Zero ตามเป้าหมายปี 93


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (19 ม.ค. 67) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ก้าวสู่ปีที่ 50 โดยกำหนดแผนกลยุทธ์ 3 ปี ระหว่างปี 67 – 69  มุ่งสร้างตลาดทุนไทยที่มีคุณภาพสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (Delivering Market Quality x Growth) เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นด้วยการพัฒนาระบบและนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการป้องปรามการกระทำผิด และปกป้องผู้ลงทุน รวมทั้งติดตามคุณภาพบริษัทจดทะเบียนเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยและสนับสนุนบริษัทที่มีศักยภาพเข้ามาจดทะเบียน ดึงดูดผู้ลงทุนผ่าน In-bound / Out-bound roadshow

ขณะที่พร้อมทั้งสนับสนุน ธุรกิจ SMEs และ Start-ups ผ่าน Live Platform เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานระดับโลกเพื่อเป็น Platform ในการขยายธุรกิจของผู้ร่วมตลาดตลอดจนสนับสนุนการขับเคลื่อนวาระสำคัญของตลาดทุนไทย และประเทศสู่ความยั่งยืน มุ่งสู่ Net Zero ตามเป้าหมายในปี 93

ทั้งนี้ นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ (ตลท.) กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายและสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน โดยเฉพาะการกำกับดูแลให้ตลาดทุนมีความโปร่งใสและเป็นธรรม (Market Integrity) ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เริ่มดำเนินการแล้ว อีกทั้งเพิ่มการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนทั้งกระบวนการตั้งแต่เริ่มเข้าจดทะเบียน และการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนไปจนถึงการเพิกถอน

โดยทำงานร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับความเชื่อมั่นในตลาดทุนพร้อมเสริมศักยภาพการแข่งขัน และสร้างความน่าสนใจในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งการระดมทุนและการลงทุนสร้างโอกาสแก่ผู้ร่วมตลาดทุน รวมถึงขับเคลื่อนความยั่งยืนเพื่อเป้าหมายความยั่งยืนของประเทศพร้อมก้าวสู่ปีที่ 50

ทั้งนี้เพื่อพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนภายใต้วิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market Work for Everyone” ผ่านแผนกลยุทธ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 67-69  “สร้างตลาดทุนที่มีคุณภาพ สู่การเติบโตอย่างยั่นยืน” ใน 3 ด้านหลัก ดังนี้

  1. ยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน

1.1 เสริมสร้างคุณภาพและเครื่องมือในการปกป้องผู้ลงทุน รวมถึงพัฒนาเครื่องมือที่จะนำมาใช้ในการวิเคราะห์และติดตามคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนและการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการจัดทำระบบ Financial Data Health Check และ Surveillance Prevention and Analytics (SPA) รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตร อาทิ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลตราสารหนี้ของบริษัทจดทะเบียน และนำมาใช้ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วขึ้น

1.2 ปกป้องและสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนโดยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการตรวจจับข่าวปลอมหลอกลงทุนที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียล เพื่อเตือนผู้ลงทุนผ่านทางช่องทางต่างๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และรายงานไปยัง (Anti-Fake News Center) ในการดำเนินการเตือนสาธารณชนต่อไป นอกจากนี้จะพัฒนาระบบที่จะแจ้งไปยังผู้ประกอบการสื่อโซเชียลในการนำข่าวปลอมออกและปิดเพจปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนที่มากขึ้น คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4 ปี 67

  1. เสริมศักยภาพการแข่งขัน

2.1 เพิ่มความน่าสนใจดึงดูดการลงทุน Supply side เพื่อสนับสนุนบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Target industries) เฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมเกี่ยวกับสุขภาพ และอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร

ทั้งนี้ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรพร้อมนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทั้งบริษัทที่จะระดมทุนและบริษัทจดทะเบียน อาทิ One Report และ Digital IPO System และสนับสนุนการทำงานของบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนา Live Platform ให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs และ Start-ups สามารถเข้าถึงง่าย เข้าใจง่ายและเข้าใช้งานง่าย นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มความน่าสนใจของบริษัทจดทะเบียนเพื่อดึงดูดผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศผ่านการทำ In-bound และ Out-bound roadshow

รวมไปถึง Demand side เพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้เหมาะสมกับผู้ลงทุนแต่ละกลุ่ม (More Choice) โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับลักษณะของผู้ลงทุนรุ่นใหม่ อาทิ Small Size Thai Share รวมถึงสภาวะตลาดเพื่อประโยชน์ในการบริหารความเสี่ยง อาทิ Inverse ETF เตรียมพร้อมขยายระยะเวลาการซื้อขายหลักทรัพย์ปรับปรุงการพัฒนาดัชนีใหม่ๆ รวมถึงการทำให้การเข้าถึงตลาดทุนเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น (More Streamline)

อีกทั้งการเปิดบัญชีซื้อขายที่สะดวกรวดเร็ว และพัฒนาช่องทางที่เข้าถึงการลงทุนที่ง่ายขึ้นและรองรับการซื้อขายสินทรัพย์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ จะมุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นให้แก่ผู้ลงทุนและประชาชนในวงกว้างผ่านโครงการต่างๆ พร้อมให้ความรู้เชิงลึกเพื่อเพิ่มทักษะแก่ผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน

2.2 ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามมาตรฐานโลก เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของผู้ร่วมตลาด ขยายความร่วมมือในรูปแบบพันธมิตรทั้ง IT Service และ Data Solution

3.สนับสนุนการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน  

โดยด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) มุ่งให้ความรู้แก่บริษัทจดทะเบียนผ่านโครงการ SET ESG Academy และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน ESG ผ่านโครงการ Climate Care Collaboration Platform และ SET Carbon ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดจาก ESG Data Platform  นอกจากนี้จะร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการยกระดับ SET ESG Assessment สู่มาตรฐานระดับโลก

ขณะที่ด้านสังคม (Social) มุ่งเน้นพัฒนาผู้ประกอบการที่เป็นธุรกิจครอบครัว (Family Business) และธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise)  โดยเชื่อมโยงธุรกิจครอบครัวสู่ Live Platform ให้มากขึ้น รวมถึงการเผยแพร่ความรู้ด้านการลงทุนให้กับกลุ่ม Multi-jobber & Freelance

รวมถึงด้านบรรษัทภิบาล (Governance) เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุนและการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม และสนับสนุนให้มีกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อตลาดทุน

นอกจากนี้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการด้าน ESG ภายในองค์กรอย่างเข้มข้น เช่น การต่อยอดโครงการ SETs Journey Towards Net Zero เพื่อมุ่งสู่การเป็น Net Zero Organization การพัฒนาองค์กรให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น (Culture transformation)  พร้อมกับการพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยงและการกำกับดูแลกิจการที่มีประสิทธิภาพ (Risk management & Enhancing governance)

Back to top button