1,350 ที่มั่นสุดท้าย
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เดี๊ยนไม่ได้มีเจตนา “เขียนเสือให้วัวกลัว” แต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ต้องการสื่อสารให้แฟนคลับได้ล่วงรู้ก็คือ ดัชนีเคยลงมาแถว 1,350 จุดในระยะเวลาสามเดือนถึง 2 ครั้งด้วยกัน และนี้อาจเป็นครั้งที่ 3 ของดัชนีที่จะลงมาทดสอบจุดเด้งยังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเดิมไหม?
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เดี๊ยนไม่ได้มีเจตนา “เขียนเสือให้วัวกลัว” แต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ต้องการสื่อสารให้แฟนคลับได้ล่วงรู้ก็คือ ดัชนีเคยลงมาแถว 1,350 จุดในระยะเวลาสามเดือนถึง 2 ครั้งด้วยกัน และนี้อาจเป็นครั้งที่ 3 ของดัชนีที่จะลงมาทดสอบจุดเด้งยังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเดิมไหม? หากดัชนีไม่เด้งเหมือนที่ประเมินไว้ นักลงทุนควรทำตัวอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมตัวไว้ล่วงหน้านะจ๊ะ
เนื่องจากการทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,369.92 จุด ลบไป 12.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.15 หมื่นล้านบาท โดยแรงขายกระหน่ำไปที่หุ้นแบงก์อย่างหนัก ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดให้เห็นถึงความกังวลที่มีต่อเศรษฐกิจไทย เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำแต่ละเรื่องมันชวนให้คนในแวดวงการเงินกุมขมับกันเป็นแถว ขณะเดียวกันก็ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้ทุกอย่างราบรื่นแบบนี้ เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า เสียววาบไปทุกรูขุมขนเลยพะย่ะค่ะ
โดยเฉพาะในรายของ KTB ที่วางฟอร์มมาดีตั้งแต่ต้นปี และมีสตอรี่เด็ดออกมาให้เห็นเพียบ แต่สุดท้ายกลับตกม้าตายเพราะหนี้เสียดันมาปูดไตรมาส 4 (เหมือนก่อนชอบตั้งสำรองไตรมาสสุดท้ายอย่างไร วันนี้ก็ยังทำนิสัยแบบเดิมอีกจนได้) “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่วานนี้โดนถล่มขายแหลกทุกราคา จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 16.20 บาท ลบไป 1.90 บาท หรือลงไป 10.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.98 พันล้านบาท และคอยดูแล้วกันว่า ไตรมาส 1 กำไรจะกลับมาดีอีกครั้งเจ้าค่ะ
ส่วนรายที่นักเล่นกังวลกันว่า กำไรอาจไม่มาตามนัดอย่างหุ้น JMT ก็ถูกรินขายออกมาตลอดเวลาเช่นกัน จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 23.40 บาท ลบไป 2.10 บาท หรือลงไป 8.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 719 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติของหุ้นที่มากับความคาดหวังสูง ผนวกกับช่วงนี้พวกสถาบัน “เน้นขาย” มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จึงต้องรอให้แรงขายสะเด็ดน้ำกว่านี้อีกนิดหนึ่ง ต่อจากนั้นค่อยทยอยสะสมหุ้นนะตัวเอง
อีกรายที่โดนอัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ จนราคาหุ้นลงมากเกินไป “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น EA เป็นรายถัดมา เพราะถ้ามองในมุมของการเทรดบน PE 17 เท่า ต้องถือเป็นจุดที่เหมาะต่อการทยอยเก็บเข้าพอร์ต แต่ถ้ามองในมุมของบรรยากาศการลงเป็นที่ตั้ง ก็เป็นต้องไปตามสถานการณ์สักระยะหนึ่ง เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินกันอีกครั้งว่า การยืนปิดที่ระดับ 37.75 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 4.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 505 ล้านบาท เสี่ยงไหม?
เช่นเดียวกับในรายของ BEM อุตส่าห์ทำผลงานดีขึ้นเป็นลำดับ และดูเหมือนปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่ดี แต่ตลอดทั้งปีกลับโดนรินขายแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นเสียทรงชนิดกู่ไม่กลับ ขณะที่เปิดศักราชใหม่ขึ้นมา ก็ยังโดนรินขายไม่เลิกเสียที “โมนิก้า” เลยสังหรณ์ใจว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 7.45 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 351 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 3 ปี 9 เดือนแบบนี้..มันแย่ยิ่งกว่าตอนโควิดระบาดเสียอีกนะออเจ้า
สำหรับรายที่ได้อานิสงส์ตอนโควิด แต่ตอนนี้เริ่มตกที่นั่งลำบาก คงต้องมองไปที่หุ้น THG ภายใต้การกำกับดูแลของ “หมอบุญ” หลังราคาหุ้นเอาแต่มุดหัวลงลูกเดียว จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 50 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปี 11 เดือน “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องระวังไว้มาก ๆ หากคิดจะเข้าไปรับหุ้นในจังหวะนี้ เพราะมันไม่มีสตอรี่ใหม่เข้ามาบิ้วแล้วน่ะซี
สถานการณ์ตรงนี้ทำให้นึกถึงหุ้น XO ขึ้นมาทันที เพราะเป็นหุ้นที่มีแรงขายไหลออกมาไม่หยุดเหมือนกัน และเรื่องที่สร้างความกังวลอย่างหนักก็มาจากคู่แข่งกลับมาทวงบัลลังก์ จึงทำให้นักเล่นขาประจำทยอยทิ้งหุ้นออกมาเรื่อย ๆ จนวานนี้หุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 22.80 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61 ล้านบาท ทั้งที่หัวเรือใหญ่ออกมาแสดงความมั่นใจว่า ทุกอย่างยังโตตามแผนแบบนี้..มันคงเป็นเรื่องภาวะไม่เป็นใจจริง ๆ นะคะ
ส่วนรายที่ร้อนแรงเกินห้ามใจ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น SCL เพื่อชี้ให้เห็นการไล่ราคาเที่ยวนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ และดูเหมือนจะไม่ยอมให้เกมจบง่าย ๆ จึงเป็นเกมที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นเร็วอย่างแท้ทรู เพราะเมื่อเทียบฟอร์มในการทำธุรกิจกับเจ้าอื่น ๆ มันชวนให้สงสัยเหลือเกินว่า มีทีเด็ดอะไร? หุ้นถึงขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 2.16 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 6.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 102 ล้านบาทไงล่ะคะ