ส่องหุ้นจีน..สะท้อนหุ้นไทย

เริ่มต้นเข้าสู่ “ปีมังกรทอง” ตลาดหุ้นจีน ต้องเผชิญปีชงอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลอันเป็นที่ประจักษ์คือ นับตั้งแต่เริ่มต้นเปิดปีใหม่ มาจนถึงปัจจุบัน “ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต” (Shanghai Composite Index) ปรับตัวลงกว่า 6.74% สถิติรอบ 1 เดือน ปรับตัวลง 5.06% รอบ 3 เดือน ปรับตัวลง 8.29%


เริ่มต้นเข้าสู่ “ปีมังกรทอง” ตลาดหุ้นจีน ต้องเผชิญปีชงอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลอันเป็นที่ประจักษ์คือ นับตั้งแต่เริ่มต้นเปิดปีใหม่ มาจนถึงปัจจุบัน “ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต” (Shanghai Composite Index) ปรับตัวลงกว่า 6.74% สถิติรอบ 1 เดือน ปรับตัวลง 5.06% รอบ 3 เดือน ปรับตัวลง 8.29%

สะท้อนให้เห็นว่า..สัญญาณการฟื้นตัวของ “ตลาดหุ้นจีน” ดูยังแผ่วเบาอย่างน่าใจหาย..!!

หรือปรากฏการณ์ “ไปไม่กลับ..หลับไม่ตื่น..ฟื้นไม่มี” นั่นเอง..

ล่าสุด “มาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นสหรัฐฯ” สูงกว่า “มาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นจีน” รวมกันมากถึง 38 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นมาร์เก็ตแคปที่ทิ้งห่างกันมากสุดเป็นประวัติการณ์

ภาวะถดถอยของตลาดหุ้นจีน ถูกกดดันมาจากหลายปัจจัย นับตั้งแต่วิกฤตการณ์อสังหาริมทรัพย์ สู่แรงกดดันด้านเงินฝืดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนเป็นวงกว้าง

ขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีน “ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่น” ของนักลงทุนให้กลับมาได้

ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า รัฐบาลจีน จะผ่อนคลายนโยบายการเงินหรือใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่

ล่าสุดการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มี “หลี่ เฉียง” นายกรัฐมนตรีจีน นั่งเป็นประธานเปิดรับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับการดำเนินงานของตลาดทุน รวมทั้งพิจารณาภารกิจที่เกี่ยวข้อง

แต่รัฐบาลจีน..ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาแต่อย่างใด..!!

ทว่ามีรายงานอ้างอิงผู้ที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังเตรียมเม็ดเงินกว่า 2 ล้านล้านหยวน (หรือประมาณ 2.68 แสนล้านดอลลาร์) สำหรับพยุงตลาดหุ้นผ่านกองทุนเสถียรภาพทางการเงิน (Stabilization Fund)

โดยส่วนใหญ่ผ่านทางบัญชีที่อยู่ต่างประเทศของบริษัทหลายแห่งที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพของตลาด ด้วยการเข้าซื้อหุ้นในประเทศผ่านทางตลาดหุ้นฮ่องกง..!!

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า รัฐบาลจีน กำหนดให้มีเงินสำรอง 3 แสนล้านหยวนของกองทุนในประเทศ เพื่อนำมาใช้เข้าลงทุนหุ้นในประเทศจีน ผ่านทางบริษัทด้านการเงินที่รัฐบาลจีน เป็นเจ้าของที่ชื่อว่า “ไชน่า เซคเคียวริตี้ส์ ไฟแนนซ์ คอร์ป” (China Securities Finance Corp.) หรือ “เซ็นทรัล ฮุยจิน อินเวสเมนท์” (Central Huijin Investment Ltd.)

ดัชนี CSI300 ของจีนแผ่นดินใหญ่ปี 2566 ปรับลง 11.4% นับเป็นการปรับตัวลง 3 ปีติดต่อกัน ดัชนีฮั่งเส็ง (Hang Seng) ปรับตัวลงเกือบ 14% ทำให้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง เป็นตลาดหลักของเอเชีย ที่ทำผลงานย่ำแย่สุดรอบปี 2566 ที่ผ่านมา

รายงานสื่อท้องถิ่นของจีน ระบุว่า “หลี่ เฉียง” กล่าวกลางที่ประชุมว่า จีนจะต้องมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพและมีพลังมากขึ้นที่จะสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้นและฟื้นฟูความเชื่อมั่น และมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับความสอดคล้องกันของการกำหนดเป้าหมายนโยบายมหภาค, เสริมความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรม

พร้อมเครื่องมือนโยบายต่าง ๆ การรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว และยกระดับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเชิงบวก ส่งเสริม การพัฒนาตลาดทุนที่มีเสถียรภาพและสมบูรณ์

ปรากฏการณ์จากตลาดหุ้นจีนครั้งนี้เห็นได้ชัดว่า “การฟื้นความเชื่อมั่น” มีการทำอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่ระดับมหภาคลงมาสู่ระดับจุลภาค..อาจดูแตกต่างจากปรากฏการณ์ “ตลาดหุ้นไทย” ที่ย่ำแย่ถดถอยต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2566 ไม่ต่างจากตลาดหุ้นจีน

แต่บรรดาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง..ดูเหมือนมองต่างมุมจนไร้จุดร่วม..ทั้งรัฐบาล-สำนักงานก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ และมวลหมู่สมาชิกโบรกเกอร์ ที่มาถึงวันนี้ไม่เห็นมาตรการอันเป็นรูปธรรม..ที่จะแสวงหาต้นเหตุหรือรูรั่วและปิดหลุมดำตลาดหุ้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้เลย..!?

ตั้งแต่ต้นปีมา ตัวเลขนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 23,298 ล้านบาท ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดและขมขื่น ทวีคูณมากยิ่งขึ้นทุกวัน..!!

Back to top button