W หนองเริ่มแตก.!?
ถ้าพูดถึง W ซึ่งเป็นร่างใหม่ของ EIC เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีความเพียรพยายามหาเนื้อมาเติมในกระดอง (หาคอร์บิสซิเนส)..!?
ถ้าพูดถึงบริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W ซึ่งเป็นร่างใหม่ของบริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีความเพียรพยายามหาเนื้อมาเติมในกระดอง (หาคอร์บิสซิเนส)..!?
จากเดิมในยุค EIC ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ พอมาเป็น W ก็ข้ามสายพันธุ์มาสู่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage) แต่ไม่ได้ไปปลุกปั้นแบรนด์เองนะ จะใช้วิธีไปลงทุนในแบรนด์ดัง ๆ อาทิ ร้านขนมนำเข้าจากญี่ปุ่นแบรนด์ Bake, Zaku Zaku และ Rapl, ร้านอาหารสเต๊กสไตล์ฝรั่งเศส Le Boeuf และร้านอาหารชาบูระดับพรีเมียม Kagonoya
ส่วนร้านโดมิโน่พิซซ่า (Domino’s Pizza) ที่ W ดันทุรังซื้อมาด้วยมูลค่า 426 ล้านบาท แม้ที่ปรึกษาการเงินอิสระ หรือ IFA ชี้ว่ามูลค่าไม่เหมาะสม และเงื่อนไขการชำระเงินและคิดดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม เมื่อช่วงกลางปี 2563 นั้น ล่าสุดได้ขายทิ้งไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 2565
ระหว่างที่ W พยายามร่อนตะแกรงหาคอร์บิสซิเนส ก็ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจนต้องไปยืมเงินจากบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ซึ่งเป็นอดีตคนคุ้นเคย (OTO เคยเป็นผู้ถือหุ้น W) วงเงิน 100 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 6% ต่อปี เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงร้านสาขาเมกะบางนา และเปิดสาขาแห่งใหม่ 3 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวสต์เกต ชั้น 2, เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชั้น 6 และสยามดิสคัฟเวอรี่ ชั้น 3 รวมทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท
โดย W จะนำหุ้นใน 2 บริษัทย่อยทางอ้อม ได้แก่ บริษัท อีสเทิร์นควีซีน (ประเทศไทย) จำกัด (ECT) ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ประเภทร้านชาบูแบรนด์ Kagonoya และบริษัท เครปส์ แอนด์ โค. ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (CCD) ประกอบธุรกิจร้านอาหารสไตล์ยุโรป Crepes & Co. และ Le Boeuf มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ในมุมคนปล่อยกู้อย่าง OTO ก็คงหวังกินดอกเบี้ย 6% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการนำเงินไปฝากแบงก์แหละ…
แต่ล่าสุด W ขอเลื่อนชำระหนี้ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมมีกำหนดคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยในวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา
ดีนะที่ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย…นี่แค่ขอเลื่อนจ่ายเท่านั้น..!!
ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นการเลื่อนแค่ช่วงสั้น ๆ หรือเจอโรคเลื่อนยาวกันแน่…
ครั้นไปดูสถานะการเงินของ W ก็จัดว่าเป็นบริษัทที่ไม่แสวงหากำไรเสียด้วยสิ เพราะขาดทุนต่อเนื่องมายาวนาน โดยปี 2562 มีรายได้รวม 430.50 ล้านบาท ขาดทุน 21.88 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 419.89 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มเป็น 238.81 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 426.22 ล้านบาท ขาดทุน 276.45 ล้านบาท ส่วนปี 2565 มีรายได้รวม 347.82 ล้านบาท ขาดทุนปาไป 574.04 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรก ปี 2566 มีรายได้รวม 238.56 ล้านบาท ขาดทุน 82.64 ล้านบาท
ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 มีตัวเลขขาดทุนสะสมสูงถึง 1,051.41 ล้านบาท เลยทีเดียว
ก็น่าจับตาโอกาสรอดของ W ดูทรงแล้วคงยาก เพราะขนาดหนี้ OTO 100 ล้านบาท ยังไม่มีจ่าย…นี่ยังไม่พูดถึงหนี้อื่น ๆ อีกนะ
ขณะที่ตัวธุรกิจก็ไม่ชัด ยังไม่เห็นตัวพระเอกที่จะมากอบกู้สถานการณ์เลยนะ เท่าที่เห็นตอนนี้มีแค่ตัวประกอบฉากเท่านั้น
กลายเป็นว่า W หนองเริ่มแตกแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดอาการติดเชื้อหรือเปล่า..?
เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ W อย่างเดียวน่ะสิ…จะลามไป OTO ด้วย ซึ่งลำพังตัวเองก็จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว..!?
เดี๋ยวก็ได้ตายหมู่กันหรอก…จะหาว่าไม่เตือน..!!
…อิ อิ อิ…