GPSC เผยผลประกอบการปี 59 โตต่อเนื่อง-จ่อรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าเพิ่ม

GPSC เผยปีนี้ทิศทางธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง รับผลดีทั้งจากมาตรการภาครัฐและยังเป็นธุรกิจเชื่อมโยงรับ AEC มั่นใจผลประกอบการโตตามเป้า-ยันธุรกิจไร้ผลกระทบจากราคาน้ำมันขาลงและเศรษฐกิจโลกถดถอย พร้อมพัฒนาโครงการตามแผนในระยะ 5 ปีข้างหน้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2,850 MW


ดร.เติมชัย บุนนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2559 ยังคงมั่นใจในการรักษาอัตราการเติบโตของบริษัท ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของตลาดโลกและราคาเชื้อเพลิงยังคงต้องเผชิญกับความผันผวนก็ตาม

เนื่องจากธุรกิจไฟฟ้าปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น ประกอบกับจุดแข็งของธุรกิจที่มีสัญญาซื้อขายแบบระยะยาวถึง 15 – 20 ปี รวมถึงปีนี้จะเป็นอีกปีที่ธุรกิจไฟฟ้ามีการเติบโตจากนโยบายของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะพลังงานทดแทนทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ชีวมวล และขยะ ที่รัฐเตรียมเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอในการขายไฟฟ้า และธุรกิจนี้ก็ยังเป็น Mega Trend ที่มีคนให้ความสนใจมาลงทุนอย่างมาก ประกอบกับการที่ไทยก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ  AEC  อนาคตธุรกิจไฟฟ้าจะยิ่งมีการเชื่อมโยง  และเติบโตสูงตามการเติบโตของเศรษฐกิจภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ภาวะราคาน้ำมันผันผวนในปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ทั้งด้านการรับรู้รายได้และการรักษาระดับมาร์จิน เนื่องจากระบบการขายไฟฟ้าและไอน้ำเป็นลักษณะ Cost Plus Basis ในรูปแบบ Minimum Take or Pay หรือ การส่งผ่านต้นทุนค่าเชื้อเพลิงไปยังลูกค้า และรับรองว่าบริษัทจะได้รับรายได้ขั้นต่ำจากลูกค้าตามจำนวนรับผลิตภัณฑ์ที่ตกลงกันไว้ ทำให้ผลประกอบการเดินหน้าตามแผน

ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของบริษัทในปี 2559  ยังคงขยายต่อเนื่องจากปี 2558 จากหลากหลายโครงการสำคัญที่บริษัทฯ ดำเนินการพัฒนาและก่อสร้างตามแผน  ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้านวนคร (NNEG) 125 MW ที่จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีนี้และมีลูกค้ารองรับการผลิตแล้ว การรับรู้รายได้เต็มของโครงการไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ (IRPC CP) Phase1 หลังจากที่ได้เดินหน้าดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายนในปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมแผนการเจรจาการลงทุนกิจการไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศร่วมกันกับกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในฐานะที่บริษัท เป็นแกนนำในด้านการผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. ซึ่งนับเป็นจุดแข็งที่สำคัญของบริษัท ที่จะเติบโตไปพร้อมกันกับการเติบโตของทั้งกลุ่มธุรกิจ ปตท.

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการระยะยาว ที่มีมีผลตอบแทนที่ดี ตามแผนในระยะ 5 ปีข้างหน้า GPSC จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2,850 เมกกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นลงทุนในพลังงานทางเลือก 10% และลงทุนในต่างประเทศ 30% ของกำลังการผลิตข้างต้น ด้วยความพร้อมทางด้านเงินลงทุน ที่บริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 18,000 ล้านบาท

โดยเป็นเงินจากการระดมทุนจาก IPO จำนวน 10,000 ล้านบาท และจากวงเงินกู้ของบริษัทฯ ที่มีต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำอีกจำนวน 8,000 ล้านบาท และในอนาคต บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะการขยายกำลังการผลิตที่มากกว่าแผนที่วางไว้ ด้วยความมั่นใจว่า บริษัทฯ จะสามารถหาแหล่งเงินในรูปแบบการกู้ยืมเงินที่มีต้นทุนที่ต่ำได้ เพราะปัจจุบันบริษัทมีงบการเงินที่แข็งแรงมาก หนี้สินต่อทุนต่ำ รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่ให้ความมั่นใจต่อผู้ให้กู้

 

Back to top button