“ฉก.พญานาคราช”ส่งหลักฐานใหม่ให้ตำรวจ พบเอกสารปลอม โยงคดีนำเข้า“หมูเถื่อน”
หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช เปิดหลักฐานใหม่ เอกสารปลอมแปลงสินค้าประมงนำเข้า 20 ฉบับ เชื่อมโยงขบวนการหมูเถื่อน พร้อมยื่นหนังสือผู้แทนบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบ
วันที่ 1 ก.พ.67 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำโดย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองผู้บังคับหน่วยและในฐานะโฆษกหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช เปิดเผยถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานของหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ระบุว่า หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ตั้งขึ้นตามนโยบายของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ประกาศสงครามปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้เมื่อเวลา 14:00 น.หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชจะเดินทางไปยื่นหนังสือกับผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจพบเอกสารประกอบการขออนุญาตนำเข้าสัตว์น้ำ ซึ่งมีการใช้เอกสารรับรองสุขอนามัยสัตว์ที่เชื่อว่าเป็นเอกสารที่ปลอมแปลง เพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ในการขออนุญาตนำเข้า จำนวน 20 ฉบับ จากผู้นำเข้า 3 ราย ซึ่งทั้ง 3 รายดังกล่าวเป็น 3 รายในจำนวน 11 ราย ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังดำเนินการตรวจสอบ
โดยขณะนี้หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชอยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มเติมซึ่งมีความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ , ความปลอดภัยสาธารณะ, ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน มาตรา 14 (2) แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 264 ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร
อีกทั้งน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด
ขณะที่ มาตรา 268 ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเองให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว
ด้าน น.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ขณะนี้พบข้าราชการกรมปศุสัตว์เกี่ยวข้องการนำเข้าสินค้าเถื่อน หลายกรณีประมาณ 8-9 เรื่อง ดำเนินการสอบวินัยไปแล้ว 4 เรื่อง ส่วนการเอกซเรย์ ห้องเย็นขณะนี้เชื่อว่ายังไม่ครบ 100% แต่เชื่อว่าจะครบ 100% ในไม่ช้านี้
นอกจากนี้ นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ขณะนี้หลังจากดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่ลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน จำนวน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยรมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่สุ่มตรวจตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 21 ตู้ ที่เป็นสินค้าตกค้าง ณ สำนักงานศุลกากรแหลมฉบัง พบ 1 ใน 21 ตู้ที่สุ่มตรวจมีสินค้าภายในตู้ไม่ตรงตามที่ผู้นำเข้าได้ขออนุญาตไว้ตอนนำเข้าเป็นชิ้นส่วนหมูปะปนมากับสินค้าประมงภายในตู้คอนเทนเนอร์เดียวกันลักษณะเดียวกัน ซึ่งหน่วยเฉพาะกิจพญานาคจึงมอบหมายให้กรมประมงจัดตั้ง War Room โดยมีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเอกสารจากกรมประมง และกรมปศุสัตว์ ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเชิงลึก กว่า 1 สัปดาห์ เพื่อสุ่มตรวจสอบเอกสารประกอบการยื่นขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมง ในช่วงปี 64 – 66
ทั้งนี้ เริ่มสุ่มตรวจสอบเอกสารขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมงของผู้นำเข้าที่ถูกดำเนินคดี ผลปรากฏว่าพบการยื่นเอกสารประกอบการขออนุญาตนำเข้าสัตว์น้ำมีการใช้เอกสารรับรองสุขอนามัยสัตว์ซึ่งมีข้อความไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นเอกสารที่ปลอมแปลงเพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ในการขออนุญาตนำเข้า
สำหรับการดำเนินการเพื่อให้สินค้าเถื่อนหมดจากประเทศไทยกรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเถื่อนที่มีการตรวจพบ จึงดำเนินการให้ถึงต้นตอ โดยการส่งหนังสือไปยังประเทศต้นทาง อาทิ บราซิล สเปน เป็นต้น ซึ่งเป็นประเทศต้นทางที่ส่งสินค้ายังประเทศไทย เพื่อตรวจสอบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าเถื่อนเข้าไทยหรือไม่ หรือเป็นการกระทำของคนไทย ฝั่งภายในประเทศแต่ฝ่ายเดียว เบื้องต้นหากดำเนินการในระดับกรมแล้วสามารถคลี่คลายสถานการณ์ลงได้ ก็จะดำเนินการต่อเนื่อง แต่หากไม่คืบหน้าอาจต้องขอความช่วยเหลือไปยังระดับรัฐบาล หรือระดับรัฐมนตรีต่อรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น สำหรับสินค้าเถื่อนในไทย