พาราสาวะถี
เห็นภาพของกลุ่มนักร้องที่ไม่ได้อยู่ในขบวนการนักรีด พากันไปยื่นรุมสกรัมพรรคก้าวไกลภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีใช้มาตรา 112 หาเสียง
เห็นภาพของกลุ่มนักร้องที่ไม่ได้อยู่ในขบวนการนักรีด พากันไปยื่นรุมสกรัมพรรคก้าวไกลภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีใช้มาตรา 112 หาเสียงแล้ว ต้องบอกว่า ชะตากรรมของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมพรรคพวกนั้น เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย โอกาสที่จะรอดคนส่วนใหญ่มองว่ามีน้อยมาก เมื่อคำชี้ขาดชัดเจนขนาดนั้น หากเป็นเช่นนั้นจริง ที่ต้องมองกันต่อไปนอกเหนือจากการยุบพรรคแล้ว มีใครที่อยู่ในข่ายจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองบ้าง
หนีไม่พ้นหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคในวันที่มีการกระทำผิด ดีที่ว่าจำนวนคนที่อยู่ในข่ายนั้นมีเพียงแค่ 10 รายเท่านั้นคือ พิธา ในฐานะหัวหน้าพรรค ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค และกรรมการบริหารพรรค 6 คนได้แก่ ปดิพัทธ์ สันติภาดา อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สมชาย ฝั่งชลจิตร สุเทพ อู่อ้น เบญจา แสงจันทร์ และ อภิชาต ศิริสุนทร
ยังไม่นับรวม 44 สส.ที่เข้าชื่อเสนอข้อแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งถูกร้องร่วมด้วย แต่เบื้องต้นเอาแค่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารถูกตัดสิทธิก่อน จะทำให้มองเห็นภาพของการเตรียมทีมสำหรับสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคต้องปรับทัพกันใหม่ว่า ยังมีตัวเลือกที่สามารถเรียกคะแนนนิยมเหมือนที่พิธานำทัพหรือไม่ จะว่าไปในเรื่องของแนวคิด อุดมการณ์ และท่วงทำนองทางการเมืองที่แสดงผ่านสื่อนั้น ก็มีหลายคนที่น่าจะเลื่อนชั้นขึ้นมาภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็น
คำถามก็คือคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคนั้น ไม่ใช่แค่จะขายได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีศักยภาพในแง่ของความเป็นผู้นำ นักบริหาร ที่ทำให้คนเชื่อว่าจะสามารถก้าวไปเป็นผู้นำประเทศได้ มีการพูดถึง “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ ที่เวลานี้ทำหน้าที่โฆษกพรรคและแสดงบทบาทในเรื่องของการเสนอร่างกฎหมายที่สำคัญในสภาฯ ในฐานะที่เคยอยู่กับประชาธิปัตย์มาก่อน และความเป็นหลานของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจดูมีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ในแง่ของภาพกว้างในการเลือกตั้งเชื่อว่าน่าจะเป็นโจทย์ที่คนของพรรคสีส้มก็คิดหนักกันอยู่ไม่น้อย
โจทย์สำคัญสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า มันไม่ได้มีแค่ว่าหาคนมาทำหน้าที่แทนพิธาและคนอื่นหากต้องถูกเว้นวรรคจริงเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็ไร้ปัญหา เดินหน้าต่อกันได้ทันที เพราะพรรคมีกระแส อย่าลืมว่า ระยะเวลาที่ทอดยาวออกไปนั้น หากพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลสามารถสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนได้จริงตามที่ได้พูดไว้ ยิ่งทำให้ “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อยู่เบื้องหลังพรรคตัวจริงเสียงจริงต้องแก้เกมหลายชั้น
ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย ถ้อยแถลงและแนวทางของก้าวไกลต่อการแก้ไขมาตรา 112 ก็เปลี่ยนไปชนิดที่บรรดาด้อมส้มต่างพากันผิดหวัง โดย ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่บอกว่าเป็นการหมอบนั้น ล่าสุด ได้กระทุ้งแกนนำพรรคอีกกระทอกด้วยข้อเสนอที่ท้าทายให้แสดงความกล้าหาญในการหาช่องทางที่ยังพอเป็นไปได้ในการผลักดันการแก้ไข 112 ต่อไป ด้วยเหตุผลที่ว่าหากพรรคยังคงยืนยันว่า มาตรา 112 เป็นปัญหาสำคัญในการเมืองไทย กระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น กลายเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งกัน
จำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุง เพื่อสร้างความเป็นประชาธิปไตย ความยุติธรรม และปกปักรักษาสถาบันกษัตริย์ พรรคก้าวไกลก็ต้องรับภารกิจนี้เดินหน้าต่อไป ต่อให้จำเป็นต้องยอมรับคำวินิจฉัย จำเป็นต้องทำตามคำวินิจฉัยนี้ มันก็ยังพอมีช่องทางให้ผลักดันแก้ไขมาตรา 112 ได้อยู่ เมื่อประตูการแก้ไขยังคงเปิดอยู่ ยังพอมีพื้นที่ให้ขยับขยายอยู่บ้าง พรรคก้าวไกลก็ไม่ควรละทิ้ง โดยอ้างแต่เรื่องความอยู่รอดปลอดภัยขึ้นบังหน้า ถามว่าพิธาและพรรคพวกจะกล้าขนาดนั้นหรือไม่
เช่นเดียวกับข้อเสนอที่ว่า พรรคก้าวไกลต้องกล้าหาญยืนยันโต้กับศาลรัฐธรรมนูญ ที่ปิยบุตรบอกว่าดีใจ ที่หัวหน้าพรรคไม่ไปฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ดีใจที่พรรคแถลงโต้ศาลรัฐธรรมนูญออกมาบ้าง แต่เห็นว่า “น้อยเกินไป” หาก สส.และพรรคก้าวไกล ไม่คิดสู้กับศาลรัฐธรรมนูญบ้างเลย ตามหน้ากระดานตอนนี้ ก็คงไม่เหลือใครที่พอจะยันกับศาลรัฐธรรมนูญได้ ในท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญก็จะขยับกินแดน สถาปนาตนกลายเป็นรัฐธรรมนูญเสียเอง
ในมุมมองของปิยบุตร เห็นว่าการโต้กับศาลรัฐธรรมนูญทำได้ตั้งแต่วิจารณ์คำวินิจฉัยอย่างตรงไปตรงมา ใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎรอภิปราย หรือตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหาทั้งหมด ความจริงหากเห็นคำวินิจฉัยท้ายคดีที่พิธาถูกต้องเรื่องหุ้นไอทีวีแล้ว คงไม่มีใครจะแสดงความกล้าหาญตามที่ปิยบุตรบอก น่าสนใจ ก้าวไกลที่เดินตามรอยพรรคอนาคตใหม่นั้น น่าจะไม่ใช่การเดินแบบเดิมอีกต่อไป เพราะอนาคตใหม่ต่อสู้กับขบวนการตุลาการภิวัตน์ สุดท้ายก็พบจุดจบที่ไม่สวย ดังนั้น หากก้าวไกลท้ารบกับนิติสงคราม สภาพจะเป็นอย่างไร
เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตแน่นอนแล้วว่าเพื่อไทยเดินหน้าต่อ รอเพียงแค่ขอดูความเห็นของ ป.ป.ช.ก่อน ไม่ได้อยากรู้ว่ามีข้อเสนอแนะอย่างไร แต่อยากทำให้เห็นว่ารับฟังทุกฝ่าย ตอนนี้ตกผลึกกันแล้วว่าการขับเคลื่อนนโยบายที่ได้นำเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภาไปแล้วเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเสียงต้านจากพวกที่ยังไงก็ไม่สนับสนุน อยู่ที่ว่าจะใช้วิธีไหนในการหาเงินมาเดินหน้าเท่านั้น ที่ทำให้ เศรษฐา ทวีสิน และคณะ กล้าที่จะลุยมีทั้งความเชื่อมั่นต่อผลที่จะลงมือทำ ประกอบกับเสียงที่แข็งแรงและมีพลังยังคงเชียร์เต็มที่
ประเด็นใบ สด.43 ของ จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล จริงหรือปลอม ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพิสูจน์ อยู่ที่ว่าจะทำกันจริงหรือไม่ เพราะมันจะกลายเป็นการลูบหน้าปะจมูก และไม่ใช่แค่รายเดียวแต่มันจะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องสังคายนากันทั้งระบบทั่วประเทศ รู้กันอยู่แล้วว่า ความคึกคักของการเกณฑ์ทหารทุกปี ไม่ใช่แค่ชายไทยอายุครบเกณฑ์จะต้องลุ้นว่าจับได้ใบดำหรือแดง แต่พวกที่ทำมาหากินก็จะลุ้นกันว่าจะมีเหยื่อมาเสนอผลตอบแทนแลกกับการไม่ต้องไปวัดดวงกันมากน้อยเท่าไหร่