เศรษฐกิจโลกเติบโต & เศรษฐกิจไทยเปราะบาง.!?
ปลายเดือนที่ผ่านมา สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงตัวเลขผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ว่า ขยายตัว 1.8% (ช่วงคาดการณ์ 1.6-2.0%) ชะลอลงจากปี 2565 ที่ขยาย 2.6%
ปลายเดือนที่ผ่านมา สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงตัวเลขผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ว่า ขยายตัว 1.8% (ช่วงคาดการณ์ 1.6-2.0%) ชะลอลงจากปี 2565 ที่ขยาย 2.6% ปัจจัยสำคัญมาจากการหดตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) โดยเฉพาะสินค้าหมวดยานยนต์และคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์
“ปี 2567 สศค.ประมาณการว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 2.8% (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.3-3.3%)”
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาส่งสัญญาณว่า ธปท.อาจมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ลง จากที่เคยคาดการณ์เดิม 2.4% แต่ยังไม่สามารถระบุว่า จะปรับลดลต่ำกว่า 2% หรือไม่ ต้องรอการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นกลางสัปดาห์นี้ (7 ก.พ. 67)
อย่างไรก็ดีวันที่ 19 ก.พ. 67 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) มีกำหนดการแถลงภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/66 และสรุปภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2566 จากเดิมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ระดับ 2.5%
ช่วงระหว่างนี้เอง ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีการปรับปรุงแก้ไขคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียปี 2567 ให้เพิ่มสูงขึ้น โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจประเทศอินเดีย แต่มีการย้ำเตือนความเสี่ยงจากวิกฤตภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเทศจีน
โดย IMF ประมาณการว่าเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ในเอเชียจะเติบโตที่ระดับ 5.2% ถือว่าดีขึ้น 0.4% จากประมาณครั้งก่อน (ต.ค. 66) ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนปี 2567 จะเติบโต 4.6% สูงขึ้น 0.4% จากการประเมินครั้งก่อนของ IMF (ต.ค. 66) โดยเกิดจากการใช้จ่ายของรัฐบาล ที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อต่อสู้กับภัยธรรมชาติในจีน
ถึงแม้ว่า IMF จะปรับเพิ่มมุมมองการเติบโตของจีน แต่เตือนว่า “ความยากลำบากที่ฝังลึกในภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนหรือที่อื่น ๆ การเปลี่ยนแนวทางที่ล้มเหลวของนโยบายการคลัง เพื่อปรับขึ้นภาษี และการปรับลดการใช้จ่าย อาจส่งผลต่อความผิดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจ”
โดยมีการเน้นย้ำอย่างเต็มที่ถึงมาตรการต่าง ๆ ด้านนโยบายปรับโครงสร้างที่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อหยุดยั้งหรือระงับผลกระทบภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน พร้อมเตือนว่า การลงทุนอสังหาริมทรัพย์อาจร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้และยาวนานมากขึ้น ถือเป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศและตลาดหุ้นไปด้วย
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “เอเวอร์แกรนด์” บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีน ถูกศาลฮ่องกง มีคำสั่งให้เลิกกิจการ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากธนาคารกลางจีนและกระทรวงการคลังจีน ประกาศมาตรการเพื่อช่วยส่งเสริมสภาพคล่องที่เพียงพอให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ
อย่างไรก็ดี IMF ระบุว่า การเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย จะแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับ 6.5% ทั้งปี 2567 และปี 2568 จากอุปสงค์ที่ยืดหยุ่นฟื้นคืนสภาพเดิม การประมาณการดังกล่าวสะท้อนได้จากการปรับขึ้น 0.2% จากการคาดการณ์ช่วงเดือน ต.ค. 66 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ IMF มีการเพิ่มระดับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก จากความเข้มแข็งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมาตรการสนับสนุนด้านการคลังของจีน โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะเติบโตระดับ 3.1% เพิ่มขึ้น 0.2% จากการประมาณการเดิม (ต.ค. 66) และมีการขยายตัวที่ระดับ 3.2% ช่วงปี 2568
น่าจับตา..ไทม์ไลน์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะออกมา 7 ก.พ.นี้ ตามด้วยตัวเลขของสภาพัฒน์ที่จะออกมา 19 ก.พ.นี้เช่นกัน จะเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทย “เปราะบาง” มากน้อยเพียงใด..!?