ฝรั่งมาแล้ว

ต้องยอมรับจริงๆ ว่า การกลับมาของต่างชาติทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยกลับมาลิงโลดอีกครั้ง และทำให้นักเล่นวาดฝันจะเห็นดัชนีขึ้นไปยืนเหนือ 1,400 จุดในไม่ช้า


ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า การกลับมาของต่างชาติทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยกลับมาลิงโลดอีกครั้ง และทำให้นักเล่นวาดฝันจะเห็นดัชนีขึ้นไปยืนเหนือ 1,400 จุดในไม่ช้า และยังเชื่อว่า ยอดขายสุทธิของต่างชาติจำนวน 2.50 แสนล้านบาทในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา น่าจะแปรเปลี่ยนเป็นการเข้าซื้อหุ้นรอบใหม่อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ หากเรื่องดังกล่าวเป็นจริงนะตัวเอง

เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์กลับมาซื้อหนัก ๆ แค่สองสามวัน ต่อจากนั้นก็ถล่มขายหุ้นแบบไม่ดูดำดูดี จนดัชนีทรุดฮวบลงมาทดสอบแนวรับ 1,350 จุดมาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง แต่ดัชนีก็ตีกลับขึ้นไปที่บริเวณ 1,430 จุดได้เป็นประจำเช่นกัน “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1,384.08 จุด บวกไป 16.12 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.52หมื่นล้านบาท ยังมีแก๊ปให้เล่นต่อจริงไหมจ๊ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของ AOT ที่วิ่งขึ้นต่อเนื่อง จนยืนปิดที่ระดับ 62.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.62% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.03 พันล้านบาท ก็เป็นการทะยานที่มาพร้อมกับข่าวดีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมยาวที่ใส่กันได้เต็มที่ เพราะราคาฐานที่เคยเล่นในช่วงหลังโควิดอยู่ที่บริเวณ 70 บาท จึงเหลือแก๊ปให้นักลงทุนชอบ “เล่นสั้น” และ “เล่นยาว”  ได้สนุกสนานอีกพักใหญ่จ้า

เหมือนกับในรายของ JMART หากนักเล่นมองว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ เพราะปัดกวาดหลังบ้านเสร็จเรียบร้อย “โมนิก้า” ก็ต้องบอกให้รู้ว่า นี่เป็นจุดที่เหมาะต่อการลงทุนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อมองจากในมุมของ PBV ย่อมเป็นระดับที่มีความเสี่ยงต่ำ เดี๊ยนถึงแน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 14.90 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 3.47% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 214 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ถูกต้องนะคะ

ส่วนหุ้นตัวแรงที่น่าจับตา “โมนิก้า” ขอให้ความสำคัญกับหุ้น MTC มากนิดหนึ่ง เพราะตั้งแต่ได้อ่านแผนการเติบโต ควบคู่กับแผนลดหนี้เสียแบบละเอียด เดี๊ยนถึงเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 44.75 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 4.68% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 568 ล้านบาท มันคือกรุยทางเพื่อขึ้นไปทดสอบไฮเดิมที่บริเวณ 47 บาท และเรื่องนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากการเทรดของหุ้นที่ PE 20 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ไม่สูงของหุ้นที่ยังมีโกรทนะจะบอกให้

อีกรายที่เป็นหุ้นขวัญใจของ “โมนิก้า” เป็นเวลานานหลายปี ต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับ EA เพราะในมุมของการเติบโตก็ชัดสุด ๆ หรือในมุมของเรื่องเทคโนโลยีก็ล้ำหน้ากว่าบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือแม้กระทั่งมุมมองของความคิดก็ไม่แพ้ใครทั้งนั้น เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 40.25 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 332 ล้นบาท โดยหลายคนเชื่อว่า ปีนี้กำไรแตะระดับหมื่นล้านแบบนี้..มันต้องซื้อสิคะ

เช่นเดียวกับในรายของ ITC ซึ่งหลายคนมองว่า ธุรกิจอาหารหมาอาหารแมวจะทำกำไรดีขึ้น “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นจังหวะของการเล่นตามน้ำอย่างแน่นอน แต่เผอิญราคาหุ้นในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมายังวนเวียนแค่ระดับ 16-22 บาทเท่านั้น เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า เที่ยวนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน? หลังหุ้นบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 19.60 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 4.26% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 163 ล้านบาทไงล่ะคะ

คล้ายกับในรายของ TKN ซึ่งทำผลงานได้ค่อนข้างโอเค แต่ราคาหุ้นกลับไม่ตอบรับเท่าที่ควร เลยกลายเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษในจังหวะนี้ แถมจังหวะนี้นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงน่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้รายได้พุ่งขึ้นไปอีก เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 10.80 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.93% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45 ล้านบาท น่าสนใจนะออเจ้า

ตบท้ายกันที่หุ้นยางตัวพ่ออย่าง STA เพื่อชี้ให้เห็นการพ้นจุดต่ำสุดของการทำธุรกิจไปแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ย่อมกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของการทยอยสะสมหุ้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองประเมินการยืนปิดที่ระดับ 16.90 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่น่าลงทุนรอบใหม่จริงไหม?..อิอิอิ

Back to top button