“เลิศศักดิ์” สงสัยคดี STARK เอี่ยวทำ “ราคาหุ้น” สั่ง กมธ.ปปง.ลุยสอบต่อ

“เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล” เปิดใจหลังพบ “ศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ” ผู้ต้องหาคดี STARK เผยได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ กับการช่วยเหลือผู้ถือหุ้นกู้รายย่อย และการหามาตรการป้องกันในอนาคต พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หากคดีนี้ไม่ใช่คดีฉ้อโกงเงิน แต่อาจเป็นการตกแต่งบัญชีเพื่อทำราคาหุ้นหรือไม่


นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (8 ก.พ. 67) ถึงกรณีการเข้าพบผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ว่า เหตุผลที่คณะกรรมาธิการฯ (กมธ.) หยิบเรื่องดังกล่าวมาพิจารณานั้น เนื่องจากเกี่ยวข้องกับกฎหมายตามความผิดใน พ.ร.บ. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเข้าเกณฑ์หน้าที่คณะ กมธ. ต้องเข้าไปติดตาม เนื่องจากคดีดังกล่าวมีประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก

โดยที่ผ่านมาได้มีการตั้งกระทู้สดสอบถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในประเด็นดังกล่าวตั้งแต่ยังไม่ได้มาทำหน้าที่เป็นประธาน กมธ. เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือและอาจส่งผลกระทบกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหลังจากการที่ได้เข้ารับตำแหน่งประธาน กมธ. ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบคดี STARK ขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยมี นายดนุพร ปุณณกันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย เป็นประธานคณะอนุกรรมการเพื่อติดตามคดีดังกล่าว

ขณะที่คณะอนุฯ กมธ.ได้มีการเชิญหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ข้อมูล ภายหลังที่อัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดี แต่ปรากฏว่า สังคมยังมีข้อถกเถียงว่าผู้ถูกกล่าวหาบางรายยังไม่ถูกดำเนินคดี  รวมถึงกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้รายย่อยได้เข้ามาร้องเรียนกับคณะ กมธ. เพื่อขอให้ติดตามคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องมีข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ชัดเจน จึงเป็นที่ผ่านมาเข้าพบ นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ  ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนแรกที่ออกมายอมรับถึงการฉ้อโกง

ทั้งนี้ การเข้าพบนายศรัทธา แบบไม่เป็นทางการ ทำให้คณะ กมธ.ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ซึ่งอย่างที่ทราบว่า นายศรัทธา ยอมรับว่า ได้ตกแต่งบัญชีจริง แต่ไม่ได้มีการนำเงินออกไป ทำให้ คณะ กมธ. มีข้อสังเกตว่า เป็นไปไม่ได้ว่าสิ่งที่นายศรัทธาทำการตกแต่งบัญชีบริษัท จะไม่มีผู้บริหารของบริษัทจะไม่ทราบเรื่องดังกล่าว จึงต้องมีคนสั่งการ 1 คนที่อยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี ซึ่งสิ่งที่นายศรัทธาได้ให้ข้อมูลไว้ ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการสอบสวนของ DSI

ส่วนจะมีการดำเนินการใดๆต่อนั้นในการดำเนินการของ DSI นายเลิศศักดิ์ ระบุว่า คงไม่อาจก้าวล่วงการทำงานของ DSI ได้ แต่เท่าที่ทราบเรื่องดังกล่าว DSI กำลังดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้จะมีการสั่งฟ้องเพิ่มเติม

นายเลิศศักดิ์ ยังตั้งคำถามถึงการทำงานของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หากมีการบังคับใช้กฎหมายด้วยความรวดเร็วคงไม่เกิดความเสียหายมากขนาดนี้ โดยเฉพาะการยึดและอายัดบัญชีผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการห้ามบุคคลเดินทางออกนอกประเทศ

นอกจากนี้  คณะ กมธ.ยังตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งที่เกิดขึ้น STARK จากการที่ฟังความเห็น นายศรัทธา ไม่มีเรื่องการฉ้อโกง เพราะเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ ก็ถูกใช้ในการชำระหนี้ต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของบริษัท จนทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น ทั้งกรณีการเข้าไปทำสัญญากับ ปตท. รวมไปถึงเข้าซื้อหุ้น LEONI Kabel GmbH และ LEONIsche Holding Inc จึงเห็นว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ระหว่างนั้นถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่

ทั้งนี้จากคดีดังกล่าวที่มีการขายหุ้นกู้ต่อประชาชนที่เป็นรายย่อย และไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าซื้อนั้น คณะกมธ. คงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อใช้ในการป้องกับปัญหาดังกล่าวในอนาคต โดยเฉพาะการทำงานของหน่วยงานที่กำกับดูแล

นอกจากนี้ เรื่องการเข้าช่วยเหลือผู้เสียหายในคดีนั้น นายเลิศศักดิ์ ระบุว่า ตอนนี้ ปปง. กำลังติดตามเส้นทางการเงินต่างๆ ซึ่งทราบข้อมูลต่างๆชัดเจน และหนึ่งในอดีตผู้บริหาร ปปง. ปัจจุบันก็เป็นหนี่งในคณะ กมธ. ซึ่งมีประสบการณ์ในการติดตามตรวจสอบเส้นทางการเงิน อีกทั้งต้องได้ข้อสรุป รวมถึงแนวทางในการนำเงินคืนมาจึงจะถือว่าสิ้นสุดการทำงานของคณะ กมธ.

ส่วนที่ ปปง. ระบุ ประเด็นเงินจำนวน 8,000 ล้านบาท ที่ประเทศอังกฤษนั้น นายเลิศศักดิ์ ระบุว่า ปปง. ทราบข้อเท็จจริงถึงเส้นทางการเงิน แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่สามารถยืนยันว่าเป็นตัวเลขเดียวกันหรือไม่ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ได้ คงต้องรอให้ ปปง.แถลงข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่ง ปปง.ทราบเส้นทางการเงินทั้งหมดแล้ว

Back to top button