HL โตรับเทรนด์สังคมผู้สูงอายุ-รักสุขภาพ
เทรนด์สังคมผู้สูงอายุที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ยาและอุปกรณ์การแพทย์เป็นที่ต้องการมากขึ้น ผนวกกับเทรนด์รักสุขภาพซึ่งทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจดูแลตัวเอง
คุณค่าบริษัท
เทรนด์สังคมผู้สูงอายุที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ยาและอุปกรณ์การแพทย์เป็นที่ต้องการมากขึ้น ผนวกกับเทรนด์รักสุขภาพซึ่งทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจดูแลตัวเอง ผลักดันธุรกิจอาหารเสริมให้เติบโตต่อเนื่อง กลายเป็นปัจจัยที่จะสนับสนุนการเติบโตของบริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านขายยาในรูปแบบ Chain Drug Store ภายใต้แบรนด์ iCare, Pharmax, vitaminclub และ Super Drug อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ มีการประเมินว่าร้านขายยารูปแบบ Chain-drugstore จะกินส่วนแบ่งตลาดร้านขายยาประเภทสแตนด์อะโลนมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความได้เปรียบเรื่องของฐานเงินทุน ประกอบกับการประกาศใช้หลักวิธีปฏิบัติทางเภสัชกรชุมชน (Good Pharmacy Practice : GPP) ซึ่งเริ่มบังคับใช้แบบเข้มงวดตั้งแต่ มิ.ย. 2565 อาทิ การกำหนดขนาดพื้นที่ร้านขายยา การกำหนดขนาดพื้นที่ให้บริการโดยเภสัชกร การกำหนดให้ร้านขายยาต้องมีเภสัชกรที่มีใบประกอบวิชาชีพตลอดเวลา เป็นต้น เป็นอีกสองปัจจัยเสริมการเติบโตของ HL
ไม่หมดเท่านี้ ยังมีปัจจัยบวกจากการเข้าร่วมมาตรการ Easy E–Receipt เมื่อซื้อยา, อาหารเสริม และอุปกรณ์การแพทย์ จากร้าน iCare, Pharmax, vitaminclub และ Super Drug สามารถขอใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-TAX) เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีปี 2567 รับสิทธิลดหย่อนได้สูงสุด 50,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 15 ก.พ. 2567 คาดจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 ออกมาดีอีกด้วย
ขณะที่ ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้รวมเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก เมื่อเทียบกับปี 2566 พร้อมทั้งมีแผนปรับปรุงและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงกลับมานำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ฯลฯ ที่มีกำไร (มาร์จิ้น) ดี หลังจากหยุดนำเข้าในช่วงโควิด-19 เพื่อมาทดแทนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับโควิด-19 ที่หายไป เช่น ATK และอื่น ๆ คาดหวังว่าจะสามารถช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นให้ดีขึ้นในปี 2567
อย่างไรก็ตาม ถ้าดูจากแผนธุรกิจของ HL ซึ่งตั้งเป้าหมายภายในปี 2568 จะขยายสาขาให้ครบ 100 สาขา โดยแบ่งเป็น ขยายในปี 2567 ประมาณ 20 สาขา และปี 2568 ประมาณ 30 สาขา ซึ่งมี 3 ขนาด ได้แก่ พื้นที่ขนาด S หรือขนาด 80 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 2 ล้านบาทต่อสาขา พื้นที่ขนาด M หรือขนาด 80-150 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 2-3.75 ล้านบาทต่อสาขา และพื้นที่ขนาด L หรือขนาด 150-300 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 3.75-6 ล้านบาทต่อสาขา
สะท้อนถึงโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก… HL จึงเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าจับตา
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น HL ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 36.84 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.00 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 3.10 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.33 เท่า