PANEL เคาะราคาไอพีโอ 3.68 บาท จองซื้อ 14-16 ก.พ. นี้
PANEL เคาะราคาขายหุ้น IPO หุ้นละ 3.68 บาท จำนวน 50 ล้านหุ้น เปิดจองซื้อในวันที่ 14-16 ก.พ.นี้ พร้อมชูจุดเด่นความเป็นผู้นำด้านประตูห้องผ่าตัด-ผนังเคลื่อนที่ห้องประชุมโรงแรมที่มีมาร์จิ้นสูง
บริษัท เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PANEL เคาะราคาไอพีโออยู่ที่ 3.68 บาท โดยเน้นจุดเด่นการเป็นผู้นำตลาดที่มีมาร์จิ้นสูง และมีการสร้างโรงพยาบาล และโรงแรมใหม่เพิ่มอีกหลายแห่ง
นางจูเลีย เพ็ชญไพศิษฎ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PANEL ผู้นำประตูห้องผ่าตัด และผนังเคลื่อนที่ห้องประชุมโรงแรม เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 50 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมด เป็นมูลค่าการระดมทุนจำนวน 184 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปสร้างโรงงานแห่งใหม่ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้มากกว่า 2.5 เท่าตัว รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียน และชำระคืนเงินกู้ธนาคาร โดย ธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือ การผลิต นำเข้า และติดตั้งประตูห้องผ่าตัด ห้อง ICU CCU ห้องรังสีวิทยาสำหรับ โรงพยาบาล และ ผนังเคลื่อนที่สำหรับโรงแรม และ สำนักงาน กำลังอยู่ในช่วงการขยายตัวอย่างสูง เนื่องจากมีการก่อสร้างโรงพยาบาลและโรงแรมใหม่ จำนวนหลายพันแห่ง
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า บล.โกลเบล็ก มีความยินดีที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของ PANEL ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างสูง เนื่องจาก PANEL เป็น หุ้นเล็กที่มีโอกาสเติบโตสูง อีกทั้งยังเป็นผู้นำในธุรกิจเฉพาะด้านมากกว่า 30 ปี มีอัตรากำไรสูง และมีคู่แข่งน้อยราย และที่สำคัญธุรกิจโรงพยาบาลและโรงแรมกำลังขยายตัวอย่างมาก มีการก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ส่งผลให้สินค้าของบริษัทฯ เป็นที่ต้องการมาก จึงมีปริมาณงานในมือจำนวนมาก
โดย หุ้นไอพีโอ PANEL สามารถจองได้ระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ ที่ บล.โกลเบล็ก, บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เฮชบี (ประเทศไทย) จำกัด
นางปิยะภา จงเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน PANEL กล่าวว่า จากการได้ร่วมงานกับ PANEL มากกว่า 2 ปี สามารถมั่นใจได้ว่า PANEL มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีฐานลูกค้าเป็นโรงพยาบาลชั้นนำจำนวนมาก อาทิ โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, โรงพยาบาลสมิติเวช, โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
นอกจากนี้ยังมีโรงแรมระดับนานาชาติ มากมาย อาทิ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี, โรงแรมเซนทาราเซ็นทรัลเวิร์ล เป็นต้น รวมแล้วกว่า 1,000 แห่ง และมีปริมาณงานในมือสูงพอสมควร ซึ่งจะรองรับการรับรู้รายได้ในปีนี้ ปัจจัยที่สำคัญคือ ปัจจุบันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโรงแรม กำลังเติบโตสูง มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยมากกว่า 23 ล้านคน จึงมีการก่อสร้างโรงแรมใหม่จำนวนมาก อีกทั้งมีการโรงพยาบาลใหม่จำนวนมากเช่นกัน จึงเป็นโอกาสของบริษัทฯที่จะเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของทั้ง 2 อุตสาหกรรม
อนึ่ง PANEL มีธุรกิจ 2 ส่วน คือ ธุรกิจประตูสำหรับโรงพยาบาล ห้องพิเศษ ห้องผ่าตัด ห้อง ICU CCU ห้องรังสีวิทยา โดยนำเข้าประตูอัตโนมัติจากประเทศสเปน ภายใต้แบรนด์ “MANUSA” มายาวนานกว่า 24 ปี ติดตั้งในโรงพยาบาลชั้นนำของไทยจำนวนมาก ส่วนที่ 2 คือธุรกิจคือ ผนังกันเสียง รวมถึงประตูกันเสียง ผนังกันเสียงเคลื่อนที่อัตโนมัติ สำหรับอุตสาหกรรมโรงแรมและสำนักงาน สามารถเคลื่อนย้ายได้ ใช้สำหรับห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมชั้นนำมากว่า 20 ปี รวมถึงให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจรโดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนสร้างโรงงาน และเครื่องจักร 140 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตได้กว่า 2.5 เท่าตัว รองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาล และโรงแรม พร้อมชำระคืนเงินกู้ที่นำมาซื้อที่ดิน เพื่อสร้างโรงงาน 30 ล้านบาท และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
อย่างไรก็ดีสำหรับผลการดำเนินงานบริษัท ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 88 ล้านบาท ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17 ล้านบาท และในปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 70 ล้านบาท ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11 ล้านบาท ซึ่งลดลงเนื่องจากสถานการณ์โควิด ส่วนในปี 2565บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 45% โดยในช่วงปี 2563-2565 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 40% และยังคงรักษาอัตรากำไรสุทธิประมาณ 15%-19%
ส่วนในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 ณ สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 90.5 ล้านบาท เติบโต 59% และมีกำไรสุทธิ 10.4 ล้านบาท เติบโต 333% จากช่วง 9 เดือนแรกปีก่อนที่มีรายได้รวม 57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.4 ล้านบาท ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุนเพียง 0.6 เท่า เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า