CPAXT บวกต่อ 6% รับโกยรายได้ปี 66 เฉียด 5 แสนล้าน กำไรทะลุ 8.6 พันลบ.
CPAXT บวกต่อ 6% หลังโกยรายได้ปี 66 เฉียด 5 แสนล้านบาท กำไรทะลุ 8.6 พันล้านบาท โต 12% จากช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมเตรียมจ่ายปันผล 0.39 บาท XD วันที่ 9 เม.ย. 67 ผู้บริหารมั่นใจปีนี้ยอดขายโตต่อเนื่อง โบรกแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสูงสุด 36 บาท อัพไซด์ 20% ลุ้นกำไรไตรมาส 1/67 โตทะลุ 20% รับยอดขายสาขาเดิมพุ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ก.พ. 67) ราคาหุ้น บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เปิดตลาดภาคเช้า ณ เวลา 11:17 น. อยู่ที่ระดับ 31.75 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 5.83% สูงสุดที่ระดับ 32.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 30.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 456.48 ล้านบาท
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPAXT เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานปี 2566 ทำรายได้รวม 489,949 ล้านบาท เติบโต 4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 8,640 ล้านบาท เติบโต 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 4 ปี 2566 ถือเป็นไตรมาสที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา จากปัจจัยบวกหลายด้าน อาทิ (1) ยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sale) และการเปิดบริการสาขาใหม่ พร้อมปรับโฉมสาขารูปแบบใหม่ที่มีต่อเนื่องทั้งปีของทั้งแม็คโคร-โลตัส (2) การเพิ่มสัดส่วนยอดขายนอกสาขา ผ่านแอปพลิเคชัน Makro PRO, Lotus’s SMART App และทีมนักขาย (B2B Salesforce) ที่เพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการขยายบริการจัดส่งสินค้าได้ในวันเดียว (Same Day Delivery) (3) สินค้าอาหารสดเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง (4) การเพิ่มพื้นที่ให้เช่าจากการปรับพื้นที่ศูนย์การค้า
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในอัตรารวม 0.57 บาทต่อหุ้น เมื่อหักการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้นที่บริษัทฯ ได้จ่ายไปแล้ว คงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายอีกในอัตรา 0.39 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 5 เม.ย. 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 29 เม.ย. 2567
ด้านแผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อย ตั้งเป้ายอดรายได้โตต่อเนื่อง จากการขับเคลื่อนกลยุทธ์ในด้านต่างๆ การขายนอกร้าน โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายรวมเป็น 15% ภายในปีนี้ ซึ่งการขายผ่านแอปพลิเคชัน คาดว่าจะโตแบบก้าวกระโดด จากการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า พัฒนาด้านบริการ และการขยายพื้นที่ให้บริการลูกค้าด้วยการใช้จุดแข็งของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกที่มีสาขารวมกันกว่า 2,600 แห่งทั่วประเทศ เป็นจุดกระจายและจัดส่งสินค้า กลยุทธ์เชิงรุกที่สำคัญคือการเดินหน้าพัฒนาทีมนักขายนอกร้านกว่า 1,400 คน ที่มีความเข้าใจ เข้าถึงลูกค้า เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการได้อย่างครอบคลุม
โดยตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านอาหารสด ต่อยอดพัฒนาอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมทาน รวมทั้งการสรรหาสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลากหลาย เพื่อสร้างความแตกต่างหลากหลาย พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private Label)
ทั้งนี้ วางแผนปรับโฉมสาขา และขยายสาขาเชิงรุก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายศูนย์กลางชุมชนให้เป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัย โดยปีนี้เตรียมขยายในหลายรูปแบบและขนาดต่างๆ ตามกลุ่มลูกค้าแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ ในส่วนของแม็คโครวางแผนขยาย 6-8 สาขา ส่วนโลตัสเตรียมขยายสาขาใหม่ในประเทศไทยและมาเลเซียมากกว่า 100 สาขา
นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างภายในกลุ่มธุรกิจโดยการผนึกกำลังธุรกิจค้าส่งแม็คโคร และธุรกิจค้าปลีกโลตัส มาอยู่ภายใต้บริษัทเดียวกันนั้น ยังเป็นการนำศักยภาพของทั้ง 2 แบรนด์มาสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกิจการและการบริหารทรัพยากร ลดความซับซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้นและโครงสร้างองค์กรภายในกลุ่มบริษัทฯ อีกทั้งขยายการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น ผู้ผลิตรายย่อย และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)
โดยขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เห็นจากผลลัพธ์การสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้ผู้คนในสังคม โดยปีที่ผ่านมามีการสร้างงานผ่านหลายมิติกว่า 90,000 ราย ด้านเกษตรกรท้องถิ่น แม็คโคร-โลตัส สนับสนุนรับซื้อผักและผลไม้จากเกษตรกรกว่า 9,800 ล้านบาท รวมทั้งจัดกิจกรรมอบรมถ่ายทอดความรู้ในการพัฒนาทักษะ เพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ อีกทั้งเดินหน้าโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ อาทิ การใช้พลังงานสะอาด อาหารดีพี่ให้น้อง อาหารอิ่มสุข และกิจกรรมช่วยเหลือสังคมอีกมากมาย เรียกว่ารวมพลังแบบคูณสอง ตอกย้ำเจตนารมณ์การเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดการณ์กำไรในไตรมาส 1/67 ยังมีแนวโน้มเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนต่อเนื่องได้ สะท้อนได้จากยอดขายสาขาเดิมตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึง 11 ก.พ. 67 ของ MAKRO ยังเติบโตราว 3-4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดขายสาขาเดิมของโลตัสยังเติบโตได้ราว 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับกลยุทธ์การร่วมมือ (synergy) ระหว่าง MAKRO และ LOTUS อย่างต่อเนื่อง โดยใช้จุดแข็งของ MAKRO มาช่วยบริหารแผนกอาหารสด ส่งผลให้ LOTUS มียอดขายสินค้าอาหารสดได้ดีขึ้น และจุดแข็งของ LOTUS ในการบริหารพื้นที่เช่า จะช่วยเสริมรายได้พื้นที่เช่าของ MAKRO ให้เติบโตก้าวกระโดดได้
ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์กำไรของ CPAXT ในปี 67 จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20% นอกจากนี้ หลังธุรกิจ MAKRO และ LOTUS ควบคุมอยู่ภายใต้บริษัทเดียวกัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการบริหารงานมากขึ้น ช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาว และคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CPAXT ราคาเป้าหมายปี 67 อยู่ที่ 36 บาท มีการอัพไซด์ 20% และคาดการณ์ว่า บริษัทจะจ่ายปันผลเป็นเงินสดของครึ่งหลังปี 66 อีกจำนวน 0.39 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 9 เม.ย. 67 โดยคิดเป็นสัดส่วน Dividend Yield อยู่ที่ 1.3%
ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า มีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อกำไรปกติในไตรมาส 4/66 ทำจุดสูงสุดใหม่อยู่ที่ 3.28 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 96% จากไตรมาสก่อนหน้า ใกล้เคียงคาดการณ์ไว้ แต่สูงกว่า BB consensus คาดการณ์ไว้ 15% โดยกำไรที่เติบโตแรง เป็นผลมาจากธุรกิจโลตัสและดอกเบี้ยจ่ายลดลง รวมถึงแรงหนุน High season ของแมคโคร โดยโมเมนตั้มกำไรในไตรมาส 1/67 คาดการณ์เติบโตดีต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามยอดขายสาขาเดิม(SSSG) ของโลตัสที่เพิ่มขึ้น 5% และต้นทุน (ค่าไฟดอกเบี้ย) ที่ลดลง
ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์จึงคงประมานการกำไรปกติปี 67 อยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท เติบโตเร่งขึ้น 26% จากปีก่อนหน้าที่เติบโต 12% ตามยอดขายและมาร์จิ้นโลตัสฟื้นเต็มปี ทั้งนี้ ยังมองบวกต่อการประกาศปรับโครงสร้างภายในองค์กร โดยเตรียมควบแมคโคร (CPAXT) กับโลตัส (EK-chai) เป็นบริษัทใหม่ช่วงในไตรมาส 4/67 ที่จะช่วยความคล่องตัวในการทำธุรกิจระยะยาวจะสูงขึ้น จึงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CPAXT และให้ราคาเป้าหมายที่ 34 โดยเลือกเป็นหุ้นเด่นกลุ่มค้าปลีก