NL เทรดวันนี้! โบรกเคาะเป้าสูง 7.50 บ. ชี้เชี่ยวชาญงานก่อสร้าง “โรงพยาบาล”
NL เข้าซื้อขาย SET วันแรก! หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง ฟากโบรกเคาะราคาเป้าหมายอยู่ที่ 5.90-7.50 บาท ชูจุดเด่นหุ้นรับเหมาก่อสร้างโรงพยาบาลที่มีความซับซ้อน นำเงินระดมทุนไปใช้หมุนเวียนธุรกิจ-ซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.พ. 67) หุ้นบริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL เตรียมเข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) /หมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง (CONS)
โดยภายหลัง NL เปิดจองซื้อหุ้น IP0 ในช่วงระหว่างวันที่ 12-14 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเต็มจำนวน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ NL ประกอบกับบริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 130,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1.00 บาทต่อหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 2.60 บาท คิดเป็นอัตราส่วนต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 8.44 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับภาวะตลาดในปัจจุบัน
สำหรับการระดุมเงินทุน บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ ประมาณ 318.74 ล้านบาท ภายหลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยนำเงินใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้าง จำนวน 50 ล้านบาท และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการต่ำเนินธุรกิจภายในปี 67 จำนวน 268.74 ล้านบาท รองรับการขยายตัวของธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน นับเป็นการตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และเตรียมความพร้อมในการขยายแผนธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจก่อสร้างในอนาคต
นางสาวเดือนพรรณ ลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจากปิดการจองซื้อหุ้น IPO ของ NL ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพและโอกาสการเติบโตของธุรกิจ มีจุดเด่นด้านประสบกรณ์และความเชี่ยวชาญงานรับเหมาก่อสร้างที่สั่งสมมามากกว่า 40 ปี ให้บริการงานก่อสร้างหลากหลายประเภทและมีความเชี่ยวชาญพิเศษ โดยเฉพาะงานก่อสร้างที่มีความซับซ้อน รวมถึงงานอาคารสถานพยาบาลที่สอดรับกับเมกะเทรนด์ต้านเฮลท์แคร์
นอกจากนี้ NL ยังได้นำเทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) มาช่วยในขั้นตอนการออกแบบก่อสร้าง ทำให้การวิเคราะห์ การควบคุมงานออกแบบและก่อสร้างเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน รวมถึงคุณภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งผลให้ NL มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะกำไรสุทธิ ทั้งยังไม่มีภาระเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยจ่าย
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดการณ์กำไรสุทธิปี 66 ของ NL อยู่ที่ 132 ล้านบาท, กำไรสุทธิในปี 67 จะอยู่ที่ 170 ล้านบาท และอยู่ที่ 217 ล้านบาทในปี 68 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญคือ 1) การเติบโตของรายได้จาก Backlog จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นงานโรงพยาบาลและงาน EPC ที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล 2) กำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น โดยอัตรากำไรและอัตรากำไรสุทธิ เป็นผลมาจากการปรับปรุงการดำเนินงานภาระหนี้เป็นต้นทุนคงที่ที่สูงของ NL อยู่ที่ 50%-60% ของต้นทุนทั้งหมด
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงราคาเป้าหมายการประเมินมูลค่าของ NL ที่ 7.50 บาท โดยใช้ P/E ล่วงหน้า อยู่ที่ 22 เท่า และประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 67 อยู่ที่ 0.34 บาท โดยเชื่อว่าเชื่อว่าเป็นการมาณสมเหตุสมผลจากความสามารถในการทำกำไรที่เหมาะสมของ NL ที่ 5.5%-6.5% ของกำไรสุทธิอัตรากำไรขั้นต้น ROE อยู่ที่ 13.0% ถึง 14.5% และการเติบโตของกำไรสุทธิ 55% CAGR ในปี 65-68
บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดการณ์ NL จะมีกำไรสุทธิ ปี 66 เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น 165.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 153 ล้านบาท เป็นผลจากกลับมาเปิดประมูลโครงการงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนได้ตามปกติหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย และคาดการณ์กำไรสุทธิ ปี 67 จะเติบโต 9.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 167 ล้านบาท ได้รับแรงหนุนจากการเข้าร่วมประมูลงานโครงการก่อสร้างที่มีความซับซ้อน (สถานพยาบาล) ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญ พร้อมประเมินราคาเหมาะสมปี 67 อยู่ที่ 6.00 บาท (บนสมมุติฐาน P/E เหมาะสมที่ 1.8 เท่า)
นอกจากนี้ ยังมองว่า NL เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีจุดเด่นในงานก่อสร้างประเภทที่มีความซับซ้อนสูง ตัวอย่างเช่น งานโครงการก่อสร้างสถานพยาบาล คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช, กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นต้น ด้วยประสบการณ์ของทีมผู้บริหารกว่า 40 ปีในอุตสาหกรรม รวมถึงการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านเทคโนโลยี BIM Building Information Modeling ซึ่งใช้ในการถอดแบบโครงสร้าง ออกแบบอาคาร 3 มิติ และโรงงานตัดดัดเหล็กเส้น และโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ในนครปฐม เป็นของตนเอง ช่วยบริหารการใช้ เหล็กเส้นอย่างเหมาะสมและช่วยลดความสูญเสียจากการตัดเหล็ก
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ประเมินกำไรปี 67 อยู่ที่ 151 ล้านบาท และคาดการณ์มูลค่ากิจการหลัง IPO ที่ 2.95 พันล้านบาทหรือ 5.90 บาทต่อหุ้น อิงประมาณการ EPS ปี 67 ที่ 0.30 บาท และ P/E ที่ 19.5 เท่า ซึ่งเท่ากับ P/E เฉลี่ยของคู่แข่งในกลุ่มปี 67 โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่า NL จะมีการเติบโตเฉลี่ย CAGR ของ EPS สำหรับปี 65-68 ที่สูงกว่าที่ 38.1% (เทียบค่าเฉลี่ยของคู่แข่งที่ 30.3%) จากการเข้าประมูลโครงการที่สูงขึ้น รวมถึงมีการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพหนุนอัตรากำไรสุทธิและการเติบโตระยะยาว
รวมถึงประมาณการว่า NL จะมีอัตรากำไรสุทธิที่ 5.6% ในปี 66 ประเมินกำไรสุทธิที่ 5.7% ในปี 67 และกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.0% ในปี 68 แม้อัตรากำไรขั้นต้นอาจปรับตัวลดลงจากลักษณะโครงการที่มีมูลค่าสูงขึ้น (มาร์จินที่ต่ำกว่าโครงการขนาดเล็กที่บริษัทเข้าประมูลในช่วงโควิด-19) แต่คาดการณ์ว่าจะสามารถชดเชยได้ด้วยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการบริหารต่อรายที่คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงมากกว่าจากรายได้ที่เติบโตก้าวกระโดด ทำให้เกิดการประหยัดจากขนาด โดยเฉพาะในฝั่งของค่าใช้จ่ายบุคคลากรซึ่งเป็นต้นทุนคงที่