KTC วางเป้าปีนี้พอร์ตสินเชื่อโต 10% รุกหนัก “พี่เบิ้ม” 6 พันล้านบาท
KTC วางเป้า 67 พอร์ตสินเชื่อโต 10% รุกหนัก “เคทีซี พี่เบิ้ม” ดันเข้าเป้า 6 พันล้านบาท พร้อมเดินเกมรุกรักษาระดับ NPL ปีนี้อยู่ในระดับต่ำไม่เกิน 2.2%
นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร,กรรมการบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ว่า ผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 7,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากงวดเดียวกันของปี 2565 มีจำนวน 7,079 ล้านบาท
โดยปี 2566 มูลค่าพอร์ตรวมเท่ากับ 112,346 ล้านบาท ขยายตัว 7.8% เทียบข่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาพรวมของเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัวโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน พอร์ตบัตรเครดิตยังคงขยายตัวได้ตามปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้นจากอุปสงค์การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ขณะที่พอร์ตสินเชื่อ KTC PROUD เพิ่มขึ้นไม่มากนัก ด้านสินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ยอดสินเชื่อใหม่สำหรับปี 2566 มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,590 ล้านบาท เคทีซียังคงเน้นเติบโตพอร์ตควบคู่กับการคัดกรองคุณภาพภายใต้ระตับความเสี่ยงที่เหมาะสมและยอมรับได้
ส่วนปี 2567 บริษัทยังคงตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อขยายตัว 10% ขณะที่การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตปีนี้ตั้งเป้าขยายตัว 15% ส่วนสินเชื่อเคทีซีพราวตั้งเป้าหมายเติบโตปีนี้ที่ 5% ส่วนสินเชื่อพี่เบิ้ม รถแลกเงิน วางเป้าหมายที่ 6,000 ล้านบาท และวางเป้าคุม NPL ของกลุ่มบริษัทปีนี้ต่ำกว่าปี 2566 อยู่ที่ 2.2%
ด้านการปล่อยสินเชื่อ KTC PROUD ทั้งปีตั้งเป้าไว้ที่ 5% ถือเป็นความท้าทายในเรื่องการขยายตัวของพอร์ตพร้อมกับการคุม NPL ไม่ให้สูงไปกว่าเดิม ส่วนทิศทางในไตรมาส 1/2567 ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ลูกค้าส่วนใหญ่โบนัส โดยธูรกิจจะกลับมาเติบโตโดดเด่นในไตรมาส 2/2567 ตั้งแต่เดือนเมษายน-เดือนพฤษภาคม เนื่องจากเป็นช่วงของการเปิดเทอมนักเรียน ซึ่งจะมีความต้องการในการใช้เงิน
ส่วนสินเชื่อใหม่ (New Booking) ของสินเชื่อพี่เบิ้ม รถแลกเงิน ปีที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้จักแบรนด์ แต่ปีนี้จะเน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในต่างจังหวัด บวกกับการพ่วงไปกับสาขากรุงไทยที่มีกว่าพันสาขาทั่วประเทศและทางแบงก์สนับสนุนอย่างเต็มที่ และเน้นเพิ่มยอดในสาขาที่มีกลุ่มลูกค้าสนใจมากขึ้น และรุกจัดแคมเปญมากขึ้นเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มยอดในสาขาที่ทำผลงานได้ดีปีก่อน 2-3 เท่า และเชื่อว่าสินเชื่อพี่เบิ้มไปจะเติบโตเข้าเป้า 6,000 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้
ในส่วนของ NPL ในการปล่อยสินเชื่อทาง KTC จะคำนึงถึงคุณภาพของพอร์ต โดยหลังจากการปล่อยบริษัทจะมีการติดตามหนี้อย่างเข้มข้น และแม้ว่าปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตช้าและมีหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ในส่วนของ KTC มองว่าจะสามารถบริหารจัดการได้และมั่นใจว่าปีนี้จะคุม NPL ให้ต่ำกว่าระดับ 2.2% แน่นอน
ด้านแนวโน้มผลขาดทุนทางด้านเครดิตปี 2567 หากปีนี้มองการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในระดับ 10% และสามารถทำได้ตามเป้าโดยปกติการตั้งสำรองก็จะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5-6%
ส่วนกรณีที่สภาพัฒน์ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยขยายเวลาการลดการจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำจาก 8% ลงมาที่ 5% แน่นอนหากลดลงมาในระดับ 5% จะช่วยลดภาระของลูกค้าได้แน่นอน ด้านผลการติดตามทวงหนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ขณะนี้ยังติดตามได้ปกติ