แดงทั้งแผ่นดิน!โมนิก้าและทีมงาน

*ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ดีเอาเสียเลย ทำให้นักลงทุนกลุ่มต่างๆ เร่งระบายหุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตออกมาอย่างไม่คิดชีวิต เพราะเมื่อแลหน้าแลหลัง มันไม่มีประโยชน์ที่จะทนถือหุ้นต่อไปนานๆ บรรยากาศโดยรวมถึงดูย่ำแย่ลงอีกครั้ง และครั้งนี้คงยากที่จะกู่ให้กลับมาดีดั่งเดิมเสียด้วย “โมนิก้า” ถึงได้แต่เวทนากับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้พะยะค่ะ

*เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้เป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม “โมนิก้า” ถึงได้แต่นั่งมองตาปริบๆ เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวัน ซึ่งเหมือนกับเรื่องที่เม้าท์ให้ฟังเมื่อวันก่อนว่า “เจอกันที่ 1,200 จุด?” มันเป็นข้อมูลที่มาจากตัวเลขในหลายส่วนด้วยกัน และหนึ่งในตัวเลขที่ชอบหยิบยกขึ้นมาพูดเป็นประจำก็คือ แรงเทขายของกองทุนตัวแสบเบาลงหรือยัง?

*หลายคนอาจถามว่า ทำไมเดี๊ยนชอบตั้งแง่กับกองทุนเสียเหลือเกิน? คำตอบที่ได้รับก็คือ หุ้นที่ตกหนักในแต่ละวันนั้น มันเกิดจากแรงเทขายของกองทุนทั้งนั้น! หรือถ้าเอาง่ายๆ ดูจากยอดซื้อเมื่อวันก่อนมีเข้ามา 950 ล้านบาท ขณะที่วานนี้สาดทิ้งออกมา 2,300 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ money game มากกว่าประเด็นอื่นๆ และเป็นการตอกย้ำแนวคิดเมื่อวันก่อนที่ฟันธงไว้ว่า “ซื้อกลับสั้นๆ” เจ้าค่ะ

*ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่ดัชนีทรุดลงมาปิดที่ 1,224.83 จุด ลบไป 35.21 จุด ด้วยมูลค่า 4.59 หมื่นล้านบาท เพราะเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่อื่นๆ เขาทรุดลงฮวบฮาบยิ่งกว่าตลาดหุ้นไทยหลายเท่า ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้นักวิเคราะห์สำนักต่างๆ หยิบยกคำพูดของกูรูตลาดหุ้นชั้นเซียนมาบรรยายถึงความน่าสะพรึงกลัวของตลาดหุ้นไทยกันอย่างสนุกปากเลยทีเดียวนะคะ

*ครั้นจะไม่เชื่อตามคำแนะนำดังกล่าว..ก็ไม่ได้ ครั้นจะเชื่อไปหมดทุกประโยค..ก็ไม่ได้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเอาที่สบายใจ แต่สำหรับตัวอีฉันยังถือคติที่ว่า “รักสั้น ขยันซอย” เพราะยังเชื่อว่าในช่วงที่หุ้นตกลงมาหนักๆ มักจะมีการรีบาวด์เกิดขึ้นเป็นประจำ และขอรอดูตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเริ่มฟื้นตัวขนาดไหน? เพื่อมองภาพการลงทุนให้ชัดขึ้นอีกหน่อยเจ้าค่ะ

*โดยเฉพาะตัวเลขผลการดำเนินงานของ PTT และPTTEP ซึ่งตอนนี้กลายเป็นตัวถ่วงในสายตาชาวหุ้นนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นผลกระทบลูกโซ่ที่มาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกส่อแววจะหลุด 30 เหรียญต่อบาเรล ทุกคนเลยมองว่า หุ้นทั้ง 2 ตัวคงหมดอนาคตไปด้วย! ส่วนจะแย่กว่าที่ประเมินกันไว้ หรือดีกว่าที่ประเมินกันไว้ อันนี้ต้องติดตามดูกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ วานนี้ตัวแม่ลงมาปิดที่ 209 บาท ลบไป 19 บาท หรือลงไป 8.30% ส่วนตัวลูกก็อ่อนระทวยลงมายืนอยู่ที่ 48.75 บาท ลบไป 5.25 บาท หรือลงไป 9.70%  พูดง่ายๆ ก็คือ low แล้ว..low อีก นะคะ

*ขนาดของที่ว่าแน่ๆ อย่าง  CPALL ยังโดนถล่มเทขายตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายลงมาปิดที่ 40 บาท  ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.40%  เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า เมื่อทุกอย่างไม่เป็นใจ เจ้าภาพที่ไหนก็เอาไม่อยู่ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับระวังหุ้นตัวนี้ให้ดีๆ เพราะก่อนหน้านี้เคยทำท่าจะสวนกระแส สุดท้ายก็ไปไม่รอดเหมือนกันแบบนี้..ทยอยสะสมตัวอื่นดีกว่าไหมเจ้าค่ะ

*หากคิดไม่ออกจริงๆ “โมนิก้า” ขอแนะนำทีเด็ดอย่าง AOT เป็นตัวเลือกอันดับแรก เหตุผลไม่มีอะไรมากมาย ก็แค่เป็นหุ้นที่ทำกำไรได้คงเส้นคงวา แวลูสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี แม้วันนี้จะโดนถล่มลงมาเป็นระยะ แต่ยังคงเป็นหุ้นที่ควรค่าต่อการลงทุน ล่าสุดหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 337 บาท ลบไป 3 บาท จากก่อนหน้านี้เคยยืนที่ระดับ 353 บาท  มันเป็นจุดที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ LOXLEY หากมองผ่านๆ แบบไม่คิดอะไรมากมาย ต้องยอมรับว่า หุ้นกำลังตั้งลำอย่างช้าๆ และประเด็นที่เป็นชนวนเหตุให้หุ้นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงก็มาจากเรื่องรถเมล์ไฟฟ้า “โมนิก้า” ถึงต้องถามผู้เล่นทั่วสารทิศว่า คิดอย่างไรกับหุ้นตัวนี้ เพราะหุ้นย่ำฐานอยู่แถวๆ 2.20 บาทนานถึง 2 เดือน จู่ๆ วานนี้เด้งขึ้นมาปิดที่ 2.42 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 6%  มันเหมาะที่จะเล่นตามน้ำเสียจริงๆ เจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ TACC วันนี้หลายคนเริ่มรู้แล้วว่า หุ้นตัวนี้มีดีอย่างไร? และการทะยานสวนกระแสตลาดขาลง ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 5.15 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 70 ล้านบาท มันสะท้อนให้เห็นว่า มีคนทยอยเก็บของเข้าพอร์ตเรื่อยๆ ราคาหุ้นถึงยืนระยะได้อย่างแข็งแกร่ง วันนี้ถึงต้องสืบค้นความจริงกันอีกรอบว่า ของดีที่พ่อหนุ่มรายนี้ซ่อนไว้มันคืออะไร? เดี๊ยนทราบเรื่องเมื่อไหร่..แล้วจะมาเม้าท์ให้ฟังพะยะค่ะ

*ป.ล.วันนี้หุ้นส่วนใหญ่แดงเถือกกันถ้วนหน้า จึงอย่าถามว่าจะเข้าตัวไหนดี? เพราะสิ่งที่นักเล่นควรรู้ก็คือ ต้องเฟ้นหาหุ้นที่ทนต่อแรงเสียดทานเศรษฐกิจ แล้วทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ เพียงเท่านี้ ก็จะเป็นผู้ชนะตลาดอย่างเด็ดขาด..ทราบแล้วบอกต่อด้วยนะคะ