TRUE กางแผน 3 กลยุทธ์ ขยายเครือข่าย-ดึงกำลัง AI หวังพลิกกำไรปี 67
TRUE เปิด 3 กลยุทธ์ปี 67 ดึงพลัง AI ขับเคลื่อนองค์กร ขยายเครือข่าย 5G-เสาสัญญาณเพิ่ม 1 พันเสา อัดงบลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท ดันปีนี้พลิกกำไร ลุยทรานฟอร์มองค์กรสู่ “Telco-tech company”
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในปี 2567 จะยังเป็นปีที่ดี โดยคาดการณ์ว่าตัวเลข EBITDA จะเติบโตได้ต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 ไตรมาสที่ผ่านมา และยังมองภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 1/67 ว่าดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากยอดผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น โดยสามารถทำตัวเลขดาต้าเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากความต้องการในกลุ่มธุรกิจหลัก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจมือถือ, อินเทอร์เน็ตบ้าน, คอนเทนท์ดิจิทัล รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้ ด้วยการลดค่าไฟ ลดเสาสัญญาณ ด้วยการลดความซับซ้อนของเสาในระยะใกล้เคียงกัน
“บริษัทพร้อมมุ่งมั่นที่จะนำเสนอเครือข่ายที่ตอบโจทย์ความต้องการและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า พร้อมวางแผนลงทุน ไว้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท สำหรับการปรับปรุงโครงข่ายเน็ตเวิร์คให้ทันสมัยประมาณ 12,000 ล้านบาท และอีก 18,000 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการควบรวม รวมถึงการขยายธุรกิจอินเทอร์เน็ตได้ต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของสมาชิกที่ดีกว่าเดิม” นายมนัสส์ กล่าว
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายสู่การเป็น Thailand’s leading telco-tech company เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และบริษัทได้พัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) แล้วมากกว่า 2,400 เสาทั่วประเทศ และมีแผนจะเพิ่มเป็น 10,000 เสาในปี 2567 อีกทั้งยังผสานโครงข่ายเตรียมพร้อมเป็นเครือข่ายเดียว (One Integrated Network) รวมถึงการใช้ประโยชน์คลื่นความถี่ทุกย่านอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานบนเครือข่ายที่ครอบคลุมมากขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงคาดการณ์จำนวน Digital citizen จะเติบโตขึ้นสู่ระดับ 5,000 คนในปี 2569 และก้าวสู่บริษัท Automatic 100% ภายในปี 2570
สำหรับกลยุทธ์ในปี 2567 นี้ เพื่อปรับโฉมบริษัทสู่การเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม-เทคโนโลยีเต็มรูปแบบ เพื่อส่งมอบประสบการณ์สื่อสารและนวัตกรรมบริการดิจิทัลแบบไร้รอยต่อให้แก่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ได้แก่ 1) ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าระดับเวิลด์คลาส ครอบคลุมทั้งด้านการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพเครือข่าย การบริการลูกค้าที่สะดวกและไร้รอยต่อในทุกช่องทาง ตลอดจนแพ็กเกจบริการและสิทธิพิเศษที่ออกแบบและคัดสรรเฉพาะเจาะจงสไตล์ลูกค้ามากขึ้น
2) ดึงเทคโนโลยีดิจิทัลเติมเต็มวิถีชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน สนับสนุนการใช้ชีวิตลํ้าสมัยในยุคดิจิทัลทั้งทํางาน บันเทิง สุขภาพ และการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและปลอดภัย พร้อมร่วมทรานสฟอรมองค์กรธุรกิจไทยให้อัจฉริยะยิ่งขึ้นในทุกอุตสาหกรรม
3) พลิกธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทำกําไรในปี 2567 โดยเดินหน้านําเทคโนโลยีใหม่ๆ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยเพิ่มศักยภาพการให้บริการและลดความซับซ้อนของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) รวมถึงสรรหาการผสานความร่วมมือ ตลอดจนทรานสฟอร์มองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะดิจิทัล ทั้งยังสามารถส่งมอบคุณค่าเพิ่มและประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภคและประเทศไทย
นายมนัสส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2567 จะเป็นปีที่บริษัทจะทรานฟอร์มองค์กรและสร้างผลการดำเนินงานที่ขึ้นในทุกไตรมาส โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้จะพลิกทำกำไรในส่วนของ Normalized Net Profit (NNP) ได้ และมั่นใจว่าปี 2568 จะสามารถทำกำไรสุทธิได้อย่างยั่งยืน ด้วยการนำระบบ AI และ Telco-Tech ให้เติบโตมากขึ้น เพื่อให้การทำงานของทุกคนสะดวกสบาย และสร้างความเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับบริษัท โดยตั้งเป้าหมายรายได้จากการบริการดิจิทัลโซลูชันจะเติบโตเป็น 2 ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังคาดการณ์ว่าจะออกหุ้นกู้ใหม่เพิ่มเติมช่วงกลางปีนี้ ขณะเดียวกันก็ยังเดินหน้าเน้นการหาพันธมิตรเพื่อก้าวสู่การเป็น Virtual Bank สอดรับเทรนด์ “ธนาคารไร้สาขา” และสามารถนำเสนอบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ (new value proposition) แก่ลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ ได้อย่างครบวงจรและเหมาะสม
สำหรับเรื่องที่กสทช. ออกมาเปิดเผยถึงการที่กสทช. เตรียมนำคลื่นความถี่ไม่ว่าจะเป็นคลื่น 850 MHz, 2100 MHz, 2300 MHz และ 3500 MHz มาจัดสรรใหม่ บริษัทอยากขอความชัดเจนว่า กสทช. มีคลื่นแบรนด์ไหนที่จะนำมาใช้ในประเทศไทย ช่วงปีไหนที่แน่ชัด เพื่อให้สามารถวางแผนในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม และเป็นการช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้
ส่วนประเด็นเรื่องของค่าบริการที่ประชาชนอาจได้รับผลกระทบจากการควบรวม ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของบริการสตรีมมิ่งที่ใช้ปริมาณดาต้าเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ หรือการใช้งานสมาร์ทโฟนที่กล้องถ่ายภาพมีคุณภาพมากขึ้น ทำให้เกิดการใช้งานดาต้าที่เพิ่มโดยไม่รู้ตัว ทำให้อาจส่งผลต่อเรื่องของค่าบริการที่สูงขึ้นได้