ทรูกับทฤษฎีเกมของกฎหมายไทย
การที่บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นทำการฟ้องร้องกรรมการ กสทช. จนเป็นข่าวใหญ่โตในวงการโทรคมนาคมและสื่อไทยเมื่อต้นเดือนนี้
การที่บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นทำการฟ้องร้องกรรมการ กสทช. จนเป็นข่าวใหญ่โตในวงการโทรคมนาคมและสื่อไทยเมื่อต้นเดือนนี้ ถือว่าเป็นเรื่องน่าจับตามองอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร
ทั้งนี้เพราะว่าการฟ้องร้องดังกล่าวมีลักษณะไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ที่แม้จะยังไม่อาจคาดหมายผลรับของคดีในท้ายที่สุดได้ แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันดีว่าเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการอันอื้อฉาวของทรู คอร์ปอเรชั่นกับดีแทคที่ค้านสายตาประชาชน
ดีลการควบรวมกิจการดังกล่าวแม้จะได้ผ่านการรับรองจากกสทช.ไปแล้ว แต่เรื่องราวยังไม่จบเพราะเงื่อนไขของกสทช.ที่กำหนดไว้ว่าจะต้องปรับราคาแพ็กเกจการให้บริการลดลง ซึ่งทรูและดีแทคอ้างว่าได้ปรับลดลงไปแล้ว 15% แต่ผู้ใช้ในแวดวงไอทียังตั้งคำถามว่าการปรับราคาลงนั้นไม่เป็นความจริง เป็นแค่การเปลี่ยนชื่อแพ็กเกจใหม่โดยมีลักษณะมัดมือชกผู้บริโภคฝ่ายเดียว
หากอธิบายเรื่องนี้โดยทฤษฎีเกมแล้วจะเห็นว่าการฟ้องร้องของทรูและการตอบโต้ของนางสาวพิรงรองผู้ถูกฟ้องเป็นการใช้แท็กติกทางกฎหมาย เพื่อทำให้การวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมเงียบเสียงลงไปชั่วคราว เพราะในเชิงเทคนิคของกฎหมายไทยนั้นเมื่อเรื่องราวขึ้นถึงชั้นศาลแล้วทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึงสาธารณชนต้องหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งออกมาถึงที่สุดแล้ว
การฟ้องร้องของทรูจึงถือเป็นการกลบเกลื่อนข้อเท็จจริงทั้งหลาย ในขณะที่ฝ่ายจำเลยสบโอกาสที่เปิดช่องให้มีกระบวนการไกล่เกลี่ยของศาลไทย ซึ่งอาจจะลงเอยด้วยการเกี้ยเซียะเมื่อเวลาผ่านไปจนคนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าข้ออ้างของฝ่ายทรูนั้นไม่ได้ต้องการเอาเป็นเอาตายกับจำเลยที่ยังมีทางออกในเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตเป็นเกราะกำบังอยู่
เมื่อดูเจตนาของทรู การฟ้องร้องดังกล่าวเป็นเพียงเจตนาเพื่อกลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบในดีลดังกล่าว ซึ่งในภาษาสื่อเรียกว่าการปิดข่าวโดยอาศัยข้อกฎหมาย
กรณีนี้มองไปแล้วคล้ายกับทฤษฎีเกมที่อ้างถึงการแบ่งปันผลประโยชน์ในทุ่งหญ้าของกลุ่มคนเลี้ยงวัวสองกลุ่มที่ยามหน้าแล้งจำต้องมาประนีประนอมกันชั่วคราวโดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันต้อนฝูงวัวมากินหญ้าในทุ่งเดียวกันแทนที่จะเล่นเกมกินรวบด้วยการทำลายล้างอีกฝั่งหนึ่ง
หากทฤษฎีเกมดังกล่าวเป็นจริงขึ้นมา เราอาจจะได้เห็นความสงบสุขอย่างเทียม ๆ แบบลูบหน้าปะจมูกจนกว่าจะมีคำตัดสินจากศาลไทยให้เป็นที่สะใจของกองเชียร์ทั้งสองฝั่ง และเกมที่จะจบลงนี้ประชาชนจะไม่ได้ผลประโยชน์อันใด