พาราสาวะถี
เสร็จสิ้นภารกิจประชุม ครม.สัญจรที่พะเยา เศรษฐา ทวีสิน ก็สั่งรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลเตรียมพร้อม 3 เวทีสำคัญในสภา
เสร็จสิ้นภารกิจประชุม ครม.สัญจรที่พะเยา เศรษฐา ทวีสิน ก็สั่งรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลเตรียมพร้อม 3 เวทีสำคัญในสภา ประเดิมที่การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่จะเข้าสู่การประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2 และ 3 ระหว่างวันที่ 20-22 มีนาคมนี้ จากนั้น วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม จะมีการซักฟอกของ สว.ตามมาตรา 153 ตามมา การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ของพวกลากตั้งในวันถัดไป ไม่ใช่งานยากอะไรแต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณนั้น ผ่านกระบวนการมาถึงขั้นนี้คงไม่มีปัญหาอะไรให้หนักใจ ไม่ว่าจะ สส.หรือ สว.ก็ต้องพร้อมใจกันยกมือให้ความเห็นชอบเพื่อที่รัฐบาลจะได้มีเงินไปทำงานอย่างเต็มที่ หลังจากที่อ้างมาว่านับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ยังไม่ได้ใช้เงินงบประมาณเต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะเดียวกัน เมื่อสภาปิดสมัยประชุม กลับมาสมัยหน้าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2568 ก็จ่อจะเข้าสู่การพิจารณาทันที ซึ่งถือเป็นการตั้งงบประมาณของรัฐบาลเศรษฐาอย่างเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม การซักฟอกของพวกลากตั้ง จนถึงเวลานี้เศรษฐาและรัฐมนตรีไม่มีใครหนักใจในเรื่องที่จะถูกตั้งข้อกังขา โดยที่นายกรัฐมนตรีก็ยืนยันหากมีการพาดพิงไปถึงประเด็นของ ทักษิณ ชินวัตร ก็พร้อมที่จะตอบ รู้กันอยู่แล้วทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ โดยความรับผิดชอบส่วนใหญ่ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯ ตั้งแต่เดินทางกลับประเทศจนกระทั่งได้รับการพักโทษนั้น ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดก่อนหน้าทั้งสิ้น
ที่ต้องจับตา โดยฝ่ายรัฐบาลได้ทำการบ้านกันมาตลอดคงเป็นการซักฟอกของพรรคฝ่ายค้านที่จะมีขึ้นในต้นเดือนหน้ามากกว่า แต่จนถึงเวลานี้ฝ่ายหาข้อมูลยังยืนยันไม่มีอะไรน่าห่วง ยิ่งมีประเด็นที่พรรคก้าวไกลถูก กกต.ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคด้วยแล้ว ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในอย่างหนักหน่วง พวกที่อยู่ในข่ายต้องเว้นวรรค ถูกตัดสิทธิทางการเมือง หากพรรคถูกตัดสินให้ยุบจริง ก็เริ่มที่จะหาทางลง ปลงกับการต้องหันหลังให้การเมือง
ขณะเดียวกัน บรรดา สส.ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ก็ต้องลุ้นไปด้วยว่าผลพวงจากการยุบดังกล่าวจะมีผลกระทบอะไรต่อตำแหน่งด้วยหรือไม่ หากไร้ปัญหาก็ต้องหาที่อยู่ใหม่ มีการดักคอกันไว้ล่วงหน้าจากบรรดาผู้บริหารพรรค อย่าได้คิดเป็นงูเห่า พวกกระหายกล้วย มีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า ใครที่แปรพักตร์สอบตกกันทุกราย แต่งานนี้คนที่เข้ามาโดยไม่ได้เคร่งครัดในหลักการ อุดมการณ์ใด ๆ ย่อมมองเห็นว่า ถ้ามีหัวโขน สส.ต่อไปอีก 3 ปีครึ่ง จะทนดักดานเป็นฝ่ายค้านต่อไปอย่างนั้นหรือ
เมื่อมีโอกาสด้วยเหตุผลที่พรรคถูกยุบ แต่สามารถหาพรรคใหม่สังกัดย่อมมองหาเป้าหมายที่จะทำให้ตัวเองมีทั้งอำนาจและปัจจัย ในยุคของรัฐบาลเผด็จการหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ก็เห็นแล้วว่าใครบ้างที่อู้ฟู่ แม้จะไม่ได้กลับเข้าสู่สภาหินอ่อนอีก ก็มีชีวิตที่สุขสบายไปตลอดชาติ จากที่ก่อนหน้ายังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ภายใต้สถานการณ์ของรัฐบาลที่จับมือกันแน่น การเข้าไปเสริมกำลังให้กับพรรคใดพรรคหนึ่ง โดยเฉพาะพรรคที่ต้องการเสียงเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง สส.แต่ละรายย่อมมีมูลค่ามหาศาล
โทษอะไรไม่ได้เมื่อกฎ กติกา ออกแบบกันมาแบบนี้ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องยุบก้าวไกลไว้พิจารณาก่อนการซักฟอกของฝ่ายค้าน นอกจากความระส่ำระสายภายในพรรคแล้ว ยังจะเป็นช่องให้ฝ่ายหาข้อมูลของแต่ละพรรคร่วมโดยเฉพาะพรรคแกนนำรัฐบาล สามารถที่จะจัดหาข้อสอบของฝ่ายค้านเพื่อให้รัฐมนตรีเป้าหมายได้รู้คำตอบกันแบบง่ายดาย ของพรรค์นี้ในแวดวงการเมืองรู้กันดี ไม่ว่าจะปกปิดเป็นความลับขนาดไหนก็ยังรั่วไหลกันได้อยู่ดี
เว้นเสียแต่จะมีการวางแผนกันแค่ไม่กี่คน ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วในระบบพรรคการเมือง และในฐานะที่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล อย่างน้อยก็เป็นการชี้เป้าของผู้ที่จะถูกอภิปราย รวมไปถึงประเด็นที่จะใช้กันด้วย เหตุนี้จึงทำให้ฝ่ายกุมอำนาจไม่ได้กังวล ยังไงเสียก็เตรียมการรับมือได้ ยิ่งไม่มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชันมาเกี่ยวข้อง ถือเป็นงานง่าย สิ่งไหนเสนอแนะให้แก้ไขก็พร้อมรับไปทำ หรือเรื่องไหนที่บอกให้ลงมือทำ หรือบอกว่ายังไม่ได้ทำ ก็พร้อมที่จะนำไปปฏิบัติ โดยหลักการของการชี้แจงมีเท่านี้
ส่วนประเด็นของทักษิณนอกเหนือจากเรื่องของการรับโทษตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าจะอภิปรายเรื่องอื่นหลังได้รับการพักโทษ ไม่ว่าจะเป็นการกลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่ หรือการที่ แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยบินไปเยือนกัมพูชา ตามคำเชิญของ สมเด็จฮุน เซน มันก็จะกลายเป็นการอภิปรายนอกเหนือจากงานของรัฐบาล หากเศรษฐาหรือรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะชี้แจงก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะกรณีของอุ๊งอิ๊งที่มีการเก็งข้อสอบกันว่าไปเขมรเที่ยวนี้น่าจะมีเรื่องผลประโยชน์ของประเทศไปคุยกับฝ่ายโน้น กลับไม่มีอะไรในกอไผ่
มองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากกรณีของทักษิณ มันจึงเป็นเรื่องของคนที่จงเกลียดจงชัง แล้วพยายามหาประเด็นมาเชื่อมโยงเพื่อที่จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อรัฐบาล แต่ทุกอย่างกลับนิ่งสนิท เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้มองเห็นเป็นปัญหา เรียกได้ว่าก้าวข้ามทักษิณกันไปนานแล้ว จะมีเพียงก็แต่พวกลากตั้งสุดโต่งบางรายที่ปูดประเด็นว่าเพื่อไทยไปปลุกเอาทักษิณมาสู้กับก้าวไกล ทำให้เกิดข้อกังขาว่า แล้วมันจะผิดตรงไหนหากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ใช่เพราะพวกลากตั้งหรอกหรือที่ขวางกระบวนการตั้งรัฐบาลตามครรลองของประชาธิปไตย จนทำให้เพื่อไทยได้หวนคืนกลับสู่อำนาจอีกครั้ง
กรณีนี้คงต้องใช้ความเห็นของ ไพศาล พืชมงคล ที่ชี้ว่า สว.สายเผด็จการเผยขี้เท่อที่ตั้งคำถามแบบนี้ หมดปัญญาแล้วใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนั้นจึงทำไมไม่ปล่อยให้การเมืองเป็นไปตามครรลอง ให้ก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล และเพื่อไทยไปเป็นฝ่ายค้านคานอำนาจ เมื่อตัดสินใจยกแผ่นดินให้ทักษิณไปแล้ว ให้เข้ามาช่วยประเทศชาติและประชาชน ตามที่ขอรับพระราชทานอภัยโทษ แล้วจะมาบ่นอะไรอีก อีกหน่อยก็จะต้องตั้งคำถามแบบโง่ ๆ อีกว่า จะเอาแผ่นดินคืนจากทักษิณได้อย่างไร แบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียก พวกถ่วงความเจริญ