หุ้นรับหน้าร้อน

ดัชนีหุ้นไทยวันก่อนหน้าปรับลงไป 8.55 จุด ส่วนเมื่อวานนี้ปรับขึ้นมา 4.74 จุด ส่งผลดัชนียังคงวนเวียนอยู่ในกรอบ 1,365-1,400 จุด


ดัชนีหุ้นไทยวันก่อนหน้าปรับลงไป 8.55 จุด

ส่วนเมื่อวานนี้ปรับขึ้นมา 4.74 จุด 

ส่งผลดัชนียังคงวนเวียนอยู่ในกรอบ 1,365-1,400 จุด

หากดูจากความเคลื่อนไหวของกราฟดัชนี SET จะพบว่า ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบดังกล่าวมาแบบนี้แหละ

คือ พอดัชนีลงมาบริเวณแนวรับ 1,360-1350 จุด จะเกิดแรงซื้อกลับ

และพอดัชนีขึ้นมาที่ระดับ 1,400 จุด บวก/ลบ จะเห็นแรงขายทำกำไร ส่งผลดัชนีกลับไปอยู่ ณ จุดเดิมที่ขึ้นมา วนเวียนกันไปแบบนี้ จนเกิดอาการ “น่าเบื่อ”

มีคำถามว่า แล้วสถานการณ์แบบนี้จะกินเวลาไปอีกนานแค่ไหน

คำตอบมีอยู่สองกรณี

กรณีแรก คือ 1.หากดัชนีหลุดแนวรับ หรือลงไปต่ำกว่า 1,350 จุด

ว่ากันว่า อาจจะดีดกลับขึ้นมายาก หรือจะใช้เวลากลับตัวอยู่พอสมควร เพราะน่าจะมีแรงขายจากการ “แพนิก” ของนักลงทุน

กรณีเช่นนี้มีคำแนะนำให้ตัดขาดทุน และถือเงินสดมากขึ้น เพื่อไปรอรับบริเวณ 1,300 จุด หรือต่ำกว่านั้นเล็กน้อย

อีกกรณีคือ 2.เมื่อดัชนีผ่านแนวต้านสำคัญ 1,400 จุดขึ้นไปได้ และยืนอยู่เหนือแนวดังกล่าวได้ 2-3 สัปดาห์ (ไม่ใช่ 2-3 วัน) ว่ากันว่า ค่อนข้างจะปลอดภัย

และจะทำให้ดัชนีที่ 1,400 จุด เป็นแนวรับที่แข็งแกร่งได้

เมื่อถามอีกว่า กรณีไหนมีความน่าจำเป็นมากสุด

ล่าสุด คำตอบที่ได้รับคือ ดัชนีจะผ่านขึ้นเหนือ 1,400 จุด

เหตุผลเพราะมีปัจจัยบวกหลายปัจจัยรองรับอยู่ เริ่มจาก ที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแน่ ๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างน้อย 3 ครั้ง

บทสรุปที่เป็นเช่นนั้น เพราะแม้จะมีการส่งสัญญาณว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยแน่ ๆ

แต่ที่ผ่านมายังเป็นเพียงแค่คำพูด

นักลงทุนยังคงเฝ้ารอการปรับลงในทางปฏิบัติจริง ๆ 

ซึ่งต่อจากนั้น จะเริ่มเห็นการเคลื่อนย้ายของฟันด์โฟลว์ เข้ามายังเอเชียและประเทศไทย

อีกปัจจัยคือเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ผ่านสภาฯ จะทำให้โครงการต่าง ๆ เดินหน้าได้เต็มที่ และตลาดเองต่างเฝ้ารอปัจจัยสำคัญนี้เช่นกัน

ประเด็นที่น่าสนใจคือ หากดัชนีจะผ่าน 1,400 จุดขึ้นไป แล้วหุ้นกลุ่มไหนจะเป็นตัวดันดัชนี

จากการสอบถามไปยังนักวิเคราะห์พบว่า พวกกลุ่มพลังงาน สื่อสาร ธนาคาร อาจจะไม่ใช่กลุ่มหลัก ๆ ที่พาดัชนีขึ้นไปในรอบนี้

ทว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มที่รับธีมหน้าร้อนเป็นหลักมากกว่า

เช่น กลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว ร้านอาหาร AOT CPALL MINT SHR

และยังมีหุ้นในกลุ่มขนาดกลาง-เล็ก เช่น TACC SAPPE ICHI PLUS COCOCO MALEE TIPCO และ KOOL

เหตุที่หุ้นกลุ่มหลักทั้งพลังงาน สื่อสาร ธนาคาร อาจไม่ใช่ตัวพาดัชนีขึ้นไป เพราะมีการวิเคราะห์ว่า ราคาพลังงานหรือน้ำมันยังมีความผันผวน

ส่วนหุ้นแบงก์เอง มีการปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก

ขณะที่ในช่วงเดือนเม.ย.หุ้นแบงก์จะขึ้น XD ราคาน่าจะปรับลงมากกว่าขึ้น

ส่วนสื่อสารเอง ราคาหุ้นยังคงนิ่ง ๆ เหมือนจะไปต่อไม่ได้ เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกแรง ๆ เข้ามาหนุน

Back to top button