หยวนอ่อนค่า-ราคาน้ำมันดิบร่วงกดดัน SETเก็งกำไร 19 หุ้น Outperform ตลาดระยะสั้น

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นแต่ไม่มาก ภาพรวมยังผันผวนหลังเงินหยวนอ่อนค่า และราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่องกดดันดัชนี การลงทุนเน้นเก็งกำไรหุ้นที่มีแนวโน้ม Outperform ระยะสั้นๆ ในกลุ่มปันผลสูง,ได้รับผลดีจากบาทอ่อน และราคาน้ำมันขาลง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.13 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.25 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนบวก นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นแต่ไม่มาก ภาพรวมยังผันผวนหลังเงินหยวนอ่อนค่า และราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่องกดดันดัชนี

การลงทุนเน้นเก็งกำไรหุ้นที่มีแนวโน้ม Outperform ระยะสั้นๆ ในกลุ่มปันผลสูง,ได้รับผลดีจากบาทอ่อน และราคาน้ำมันขาลง หุ้นเด่นเลือก INTUCH-ADVANC-TISCO-KCE-SVI-AAV-BA-NOK-EPG-SVI-ORI-SYNTEC-CK-TASCO-SAWAD-GUNKUL-AOT-STEC และ CI

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ม.ค.) ว่า การปรับลดลงของราคาน้ำมันต่อเนื่องอีก 5-6% เมื่อคืนที่ผ่านมา จากความกังวลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจจีน จะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน (ยกเว้น IRPC และ TOP ที่แม้ระยะสั้นต้องบันทึกขาดทุนสต็อกน้ำมัน แต่ระยะยาวทำให้ต้นทุนผลิตลดลง) และ SET วันนี้ แต่มอง Downside จำกัดจาก 1) เงินหยวนเริ่มแข็งค่าขึ้นเช้านี้ ที่ 6.55 หยวน/ดอลลาร์ฯ ลดแรงกดดัน Reverse Carry Trade 2) เริ่มมีแรงซื้อกลุ่ม Yield Plays อย่าง ADVANC INTUCH ประเมินกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,224-1,244 จุด

กลุ่มหุ้นที่แข็งกว่าตลาดก่อนหน้าอย่าง SAWAD AOT MTLS เริ่มมีจังหวะ “พักฐาน” ขณะที่กลุ่มหุ้นที่มองว่าจะ Outperform ระยะสั้นๆ ยังเป็น

1) กลุ่มหุ้นปันผลสูง INTUCH ADVANC TISCO (ปันผล 5-6%)

2) กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากบาทอ่อน KCE SVI (แนวต้าน 5.65/6.00 บาท)

3) กลุ่มหุ้นที่ได้ผลดีจากน้ำมันลง อย่าง AAV NOK (Laggard Play) EPG

 

ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ม.ค.) ว่า ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มจะทรงตัวได้ในแดนบวก หลังดัชนีดาวโจนส์เริ่มฟื้นตัวจากแรงเก็งกำไรก่อนการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ประกอบกับดัชนีไทยได้ปรับลงมามากแล้วในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาและเริ่มเห็นการทรงตัวได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ วันนี้จึงมีโอกาสขยับขึ้นต่อ แต่ไม่มาก เนื่องจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนและความอ่อนแอของราคาน้ำมันยังไม่หมดไป ตลาดไทยวันนี้จึงยังไม่น่าผ่านแนวต้าน 1,250 ไปได้

แนวรับ/แนวต้าน: 1,200/1,250 สัดส่วนการลงทุน: เงินสด 30%: พอร์ตหุ้น 70%

กลยุทธ์: เก็บสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมา อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง และอิเล็กทรอนิคส์ ที่ราคาลงมาเยอะแล้วและมีพื้นฐานดี มี story หนุนเป็นรายตัว

นักลงทุนระยะสั้น: SVI(6.20), ORI (15)

นักลงทุนระยะยาว: SYNTEC (3.80), CK (34)

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ม.ค.) ว่า การดีดตัวกลับของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ เอเชียรวมทั้งไทยในรอบนี้คาดจะเป็นไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยหนุนใหม่ๆ หากจะมีก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหนุนภายในของแต่ละตลาด อย่างผลดำเนินงานและตัวเลขเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยที่ถือว่ายังกดดันตลาดคือ ราคาน้ำมันและทิศทางค่าเงินหยวน อาทิตย์นี้คาดดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐ น่าจะมีการรีบาวน์ทางเทคนิค หลังเผชิญแรงขายหนักๆในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการรีบาวน์คาดจะยังอยู่ในกรอบจำกัด

ส่วนในตลาดหุ้นไทยคาดจะเริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรงบไตรมาส 4/15 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รับเหมาและหุ้นใหญ่ที่ลงไปลึกอย่าง สื่อสาร เข้ามา โดยทิศทางดัชนีในสัปดาห์นี้หากไม่มีปัจจัยลบแรงๆเกิดขึ้นมาอีก น่าจะดีดตัวขึ้นไปยืนเหนือ 1,250 จุด คืออยู่ในกรอบ 1,260-1,270 จุด ส่วนกรอบล่างมองที่ 1,220-1,210 จุด

วันนี้คาดดัชนี SET น่าจะยัง Sideway ทั้งแดนบวกและแดนลบ เพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ โดยวันนี้มีแนวรับที่ 1,228-1,224 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,242-1,246 จุด โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันหุ้นไทยลงไปแล้วเกือบ 4% ขณะที่กลุ่มที่ยืนแดนบวกได้มีเพียงกลุ่มเดียว คือ พาณิชย์ ส่วนที่ลงหนัก คือ พลังงาน ปิโตรเคมีและสื่อสาร

Themes play: แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่าง AAV BA EPG TASCO หลังเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลงแรง 1.75 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -5.3% มาปิดที่ 31.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ม.ค.) ว่า มีมุมมองเป็นกลางถึงบวกต่อตลาดในวันนี้ SET น่าจะผันผวนตามทิศทางตลาดภูมิภาคและเห็น Sideway และเชื่อว่า 2 ปัจจัยหลัก คือ การอ่อนค่าอย่างรวดเร็วของเงินหยวน และราคาน้ำมันดิบที่ร่วงต่อเนื่อง ที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้เริ่มเห็นค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้นอย่างเช่นวานนี้ที่ตลาดหุ้นจีนร่วงแต่ค่าเงินหยวนกลับแข็งค่า

ส่วนราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรงเมื่อคืออีกกว่า US$1.75/บาร์เรล ยังเป็นไปตามตลาดคาด หุ้นกลุ่มน้ำมันมีโอกาสลงแต่ไม่มาก นอกจากนี้นักลงทุนต้องติดตามรายงานตัวเลขส่งออกจีนที่คาดว่าจะติดลบ -8% ในเดือนธ.ค 2015 เพิ่มขึ้นจาก 6.8% ในเดือนพ.ย. 2015 และรายงาน Beige Book ของสหรัฐคืนนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางในระยะถัดไป

กลยุทธ์วันนี้: Seclective BUY/ลงลึกซื้อ ขึ้นแรงขาย

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: TASCO EPG กลุ่มสายการบิน (รับประโยชน์จากราคาน้ำมันถูก)

ธุรกิจที่มีแนวโน้มดี: ธุรกิจท่องเที่ยว ก่อสร้าง โรงพยาบาล สินเชื่อรายย่อย และพลังงานทดแทน

ที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตดีในปี 2016: SAWAD GUNKUL AOT EPG CK STEC และ CI

Back to top button