BA ปิดบวก 4% ลุ้นรายได้โต รับ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” เมืองการบิน

BA บวก 4% ลุ้นรายได้โตรับ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-กาสิโน” เมืองการบิน คาดเงินสะพัด 3 แสนล้านบาท ดันยอดนักท่องเที่ยวพุ่ง ฟากโบรกแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.90 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 พ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ปิดตลาดภาคเช้า เวลา 12:40 น. อยู่ที่ระดับ 16.50 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 4.43% สูงสุดที่ระดับ 16.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 64.56 ล้านบาท

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BA กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … หรือ Entertainment Complex ซึ่งรวมถึงจะมีกาสิโนหรือบ่อนพนันถูกกฎหมายในประเทศไทยว่า ส่วนตัวมอง “กาสิโน” คือธุรกิจประเภทหนึ่งที่จะเป็นโอกาสของประเทศไทย ซึ่งในหลายประเทศก็มีการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย อย่างประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ กัมพูชา แต่สิ่งสำคัญคือการกำกับดูแลที่ดี

สำหรับ BA ซึ่งเป็นผู้รับงานโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออกนั้น จะมีบ่อนกาสิโนภายในพื้นที่เมืองการบินอู่ตะเภาหรือไม่ คงต้องรอดูความชัดเจนจากรัฐบาลก่อนว่าจะมีการจัดตั้งจริงหรือไม่ มีเงื่อนไขการจัดตั้งและกำหนดพื้นที่อย่างไร แต่ในส่วนเมืองการบินฯ นั้น บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA ผู้รับงานโครงการ (BA ถือหุ้น 40%/บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ถือหุ้น 40% และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ถือหุ้น 20%) ได้ออกแบบให้เป็นพื้นที่ Entertainment Complex อยู่แล้ว เช่น มีศูนย์การค้า สนามแข่งรถ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

“ถามว่ายังสนใจลงทุนกาสิโนหรือไม่ ก็ยังตอบตอนนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าจะเกิดได้จริงหรือไม่ หากเกิดได้จริงก็ต้องดูเงื่อนไข ดูก่อนว่ารัฐบาลจะกำหนดที่ตั้งอยู่ตรงไหน เช่น หากจะตั้งในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ก็มีตั้งหลายจังหวัด ไม่ใช่มีแค่เมืองการบินเท่านั้น แต่เราก็มองเรื่องนี้ว่าเป็นธุรกิจ เป็นโอกาสของประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้านก็มีกาสิโนถูกกฎหมายหลายแห่ง หากมีแล้วกำกับดูแลได้ดีก็จะเป็นโอกาส” นายพุฒิพงศ์ กล่าว

ด้านความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่า 2.9 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนของฝ่ายรัฐ โดยกองทัพเรืออยู่ระหว่างประกวดราคาเพื่อจัดหาผู้รับงานก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภา ขณะที่ UTA กำลังพยายามเจรจากับ EEC เพื่อขอเข้าพื้นที่ดำเนินงานในส่วนที่สามารถทำได้ก่อน เพราะได้ลงนามในสัญญาโครงการมา 3 ปีแล้ว และได้ลงทุนขั้นต้น เช่น ออกแบบ จ้างที่ปรึกษา มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาทไปแล้ว ซึ่งยังคงหวังว่ารัฐบาลจะออกหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) ภายในปีนี้

สำหรับกรณีที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ยังไม่สามารถเริ่มโครงการได้ ส่งผลกระทบต่อการเริ่มโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ด้วยนั้นยังมีความเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาและผลักดันให้โครงการรถไฟความเร็วสูงฯ สามารถเดินหน้าไปได้ แต่หากไม่ได้ ทาง UTA ก็จะยังคงพยายามเจรจากับรัฐให้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ได้เดินหน้าต่อไป เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศแน่นอน

ส่วนกรณีที่บริษัทซื้อหุ้นที่ BTS ถืออยู่ในบริษัท ยูทีบี จํากัด (UTB) ซึ่งเป็นอีก 1 บริษัทที่ประกอบธุรกิจโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ จำนวน 15% โดยดำเนินการไปเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ BTS มีสัดส่วนการถือหุ้นใน UTB ลดลงจากเดิม 55% เหลือ 40% นั้น เป็นแค่การบริหารการดำเนินงานภายในกลุ่มพันธมิตร เพื่อให้มีอำนาจการทำงาน และรับความเสี่ยงในระดับที่ใกล้เคียงกันเนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการระยะยาว 50 ปี ดังนั้นปัจจุบัน BA และ BTS จึงถือหุ้นใน UTA และ UTB เท่ากัน คือ รายละ 40% ส่วนอีก 20% ที่เหลือคือ STEC

นายพุฒิพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวโน้มการดำเนินงานปี 2567 ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 10% จากปี 2566 ที่มีรายได้รวม 21,732.5 ล้านบาท สอดคล้องตามจำนวนผู้โดยสารที่ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอยู่ที่ 4.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากปีก่อนที่มีผู้โดยสารรวม 3.96 ล้านคน มีรายได้ผู้โดยสารที่ 17,800 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 14,913.8 ล้านบาท, มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 85% จากปีก่อนอยู่ที่ 79.2%, มีจำนวนเที่ยวบิน 48,000 เที่ยวบิน จากปีก่อน 44,774 เที่ยวบิน มีราคาบัตรโดยสารเฉลี่ย 3,900 บาทต่อที่นั่ง จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 3,756.1 บาท

ทั้งนี้ เนื่องจากแนวโน้มยอดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า (Booking) มีอัตราการเติบโตที่ดี โดยปัจจุบันยอด Booking ที่ครอบคลุมไปจนถึงไตรมาส 2/2567 (เม.ย.-มิ.ย. 2567) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 14% โดยพบว่ามียอด Booking กลุ่มเส้นทางสมุยสูงสุดที่ 63% รองลงมาคือกลุ่มเส้นทางภายในประเทศ 28% กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) 8% และเส้นทางต่างประเทศ 1%

นอกจากนี้ ปี 2567 บริษัทยังเตรียมเพิ่มพันธมิตรเที่ยวบินร่วม (โค้ชแชร์) รายใหญ่อีก 2 รายจากปัจจุบันมีโค้ชแชร์ 28 ราย ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่มั่นใจว่าพันธมิตรใหม่ทั้ง 2 รายจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญให้ผลประกอบการของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม ปี 2567 บริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มเส้นทางบินใหม่ จากปัจจุบันที่ให้บริการรวม 20 เมือง (ในประเทศ 12 เมือง และต่างประเทศ 12 เมือง) รวม 25 เส้นทาง (ในประเทศ 17 เส้นทาง ต่างประเทศ 8 เส้นทาง) แต่มีแผนจะเพิ่มความถี่ในเส้นทางที่มีความต้องการเดินทางสูง ขณะที่ปัจจุบัน BA มีฝูงบินรวม 24 ลำ แบ่งเป็น A320 จำนวน 3 ลำ, A319 จำนวน 11 ลำ และ ATR-600 จำนวน 10 ลำ ซึ่งในปี 2567 บริษัทจะรอบมอบเครื่องบินอีก 2 ลำ และมีส่งคืนเครื่องบิน 1 ลำ ทำให้ ณ สิ้นสุดปี 2567 BA จะมีฝูงบินที่ 25 ลำ

สำหรับนโยบายการเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาคของรัฐบาลนั้น บริษัทพร้อมให้การสนับสนุนในทุกด้าน พร้อมเสนอแนะในฐานะผู้ประกอบการว่า ประเทศไทยยังมีระเบียบขั้นตอนหลายประการที่เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจการบินที่ทำให้ล่าช้ากว่าคู่แข่ง เช่น การนำเครื่องบินเข้าประจำฝูงบิน ที่มีขั้นตอนการอนุมัติค่อนข้างนานและยุ่งยาก หากปรับแก้ไขได้ก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจการบิน

ส่วนกรณีที่ฝ่ายรัฐมีแผนหารือร่วมกับผู้ประกอบการสายการบินเพื่อพิจารณาแนวทางปรับลดเพดานราคาตั๋วโดยสารลงนั้น มองว่าเพดานราคาปัจจุบัน ซึ่งบริษัทอยู่ในระดับสายการบินพรีเมียมที่มีเพดานสูงสุดที่ 13 บาทต่อกิโลเมตร (กม.) นั้น อยู่ในระดับที่ต่ำอยู่แล้วและเป็นเพดานราคาที่กำหนดไว้นานมากไม่เคยได้รับการปรับเพิ่ม หากจะมีการปรับลดเพดานลงอีกก็อาจสร้างความลำบากต่อผู้ประกอบการ เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นตลอดเวลา เช่น ราคาน้ำมันที่ในอดีตอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ปัจจุบันอยู่ระดับ 110-120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล, ราคาอะไหล่ที่ปรับเพิ่มขึ้น 5% เป็นต้น

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการตั้งกาสิโนและ Entertainment Complex ว่า เนื่องจากตนเองได้รับมอบหมายให้เป็นประธานกรรมาธิการฯ ที่ศึกษาเรื่องนี้ จึงขอชี้แจงในฐานะประธานกมธ. ทั้งนี้รายงานการศึกษาเรื่อง Entertainment Complex ได้ผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยมติเป็นเอกฉันท์แล้ว จะมีการส่งให้คณะรัฐมนตรีรับทราบภายใน 2 สัปดาห์ คาดว่าจะผลักดันเป็นกฎหมายภายในรัฐบาลชุดนี้ โดยคาดว่าจะสามารถดึงดูดการลงทุนได้กว่า 3 แสนล้านบาท เก็บภาษีได้ปีละกว่า 2 หมื่นล้านบาท และจ้างงานกว่า 2 หมื่นตำแหน่ง จากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร

ทั้งนี้ ในข้อศึกษาของกรรมาธิการฯ พบว่า มี 44 จังหวัด ที่สามารถตั้ง Entertainment Complex ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องกาสิโน เนื่องจากในต่างประเทศพื้นที่เกมหรือบ่อนกาสิโนจะต่ำกว่า 5% เช่น สิงคโปร์อยู่ที่ 2.5% โดยพื้นที่ที่เหลือจะเป็นโรงแรม สวนสนุก และอื่น ๆ ซึ่งจากเรื่องนี้ รัฐบาลสามารถกำหนดทิศทางการพัฒนาในแต่ละพื้นที่ได้ด้วย ต้องมีธีมพาร์กขนาดใหญ่เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว หรือบางแห่งต้องมีอาคารสำหรับจัดประชุมและนิทรรศการเพื่อใช้เป็นศูนย์การประชุมระดับนานาชาติ หรือกาสิโนอีกแห่งอาจพัฒนาเป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ให้กับการกีฬา หรือการจัดคอนเสิร์ต หรือมีสนามแข่งรถ F1 เพื่อให้การลงทุนในแต่ละพื้นที่เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ต้องตระหนักถึงสังคม ต้องนำขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ เพื่อให้รัฐสามารถเก็บรายได้

สำหรับโมเดลร่างกฎหมายขณะนี้ มีการล้อมาจากประเทศสิงคโปร์มาปรับใช้ในไทย มีกลไกเข้มงวด ทั้งเรื่องการเก็บค่าเข้า การตรวจรายได้ การเก็บภาษี (ภาษีนิติบุคคล, ภาษีเกม) และมีกลไกห้ามบุคคลที่เข้าไม่ได้ เช่น คนเมา เด็กต้องกำหนดอายุ ภรรยาแจ้งแบล็กลิสต์แก่กาสิโนว่าสามีติดพนันส่งผลต่อครอบครัว ก็เคยมีในสิงคโปร์ พอยื่นบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งว่าถูกขึ้นแบล็กลิสต์จากครอบครัว ทำให้เข้าไม่ได้ ทำสำเร็จแล้วในสิงคโปร์  โดยเงินที่ได้จากกาสิโนส่วนหนึ่งจะมีการตั้งกองทุนเพื่อเยียวยาและบำบัดผู้ติดการพนัน ช่วยเรื่องการศึกษาและสังคมต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลวางเป้าหมายไว้ว่ากองทุนต้องใช้กับชุมชนที่ Entertainment Complex และกาสิโนตั้งอยู่

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BA ราคาราคาเป้าหมายของปี 2567 อยู่ที่ 18.90 บาท โดยบริษัทมีจุดเด่นจาก (1) อุตสาหกรรมการบินมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้ (2) ฐานะการเงินแข็งแกร่งณ สิ้นปี 23 มีอัตราส่วน Interest bearing debt/Equity (ไม่รวมหนี้จากเกณฑ์ FRS16) อยู่ที่ 0.7 เท่าและมีเงินสดในมือกว่า 12,978 ลบ.

รวมถึง (3) บริษัทมีเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียน ได้แก่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS และ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ หรือ BAREIT ซึ่งมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 27.201 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้เงินปันผลรับผ่านงบกำไรขาดทุนราว 500-600 ล้านบาทต่อปี ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของกำไรจากธุรกิจสายการบิน และ (4) มีโอกาสจากโครงการขนาดใหญ่การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา

Back to top button