“ดาวโจนส์” ปิดลบ 240 จุด นลท.กังวลทิศทาง “เฟด” ปรับลดดอกเบี้ย
"ดาวโจนส์" ปิดลบ 240 จุด นักลงทุนจับตาสัญญาณ “เฟด” ปรับลดดอกเบี้ยสัปดาห์นี้ ขณะที่สหรัฐเปิดดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค. ปรับตัวสู่ระดับ 50.3 แกร่งเกินคาดส่งผลให้ “บอนด์ยีลด์” อายุ 10 ปี พุ่งทะลุระดับ 4.3% เมื่อคืนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (2 เม.ย.67) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ 1 เม.ย. 67 นั้น เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดและส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,566.85 จุด ลดลง 240.52 จุด หรือ -0.60%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,243.77 จุด ลดลง 10.58 จุด หรือ -0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,396.83 จุด เพิ่มขึ้น 17.37 จุด หรือ +0.11%
ขณะที่ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.30 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 47.80 ในเดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.10 ส่วนดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2565 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงนั้น เริ่มฟื้นตัวแล้ว
ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของดัชนีภาคการผลิตส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.30% เมื่อคืนนี้ ขณะที่เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 58% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. ซึ่งลดลงจากระดับ 64% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านหุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเฮลธ์แคร์ซึ่งปรับตัวลง 1.77% และ 0.88% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.45% และ 0.79% ตามลำดับ
ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้น เอที แอนด์ ที (AT&T) ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 0.6% หลังจากบริษัทประกาศพบข้อมูลรั่วไหลบน “ดาร์กเว็บ” (Dark web) ซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกค้าจำนวนมาก
อีกทั้ง หุ้นบริษัทที่ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีร่วงลง หลังจากราคาบิตคอยน์ดิ่งหลุดจากระดับ 69,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางการเทขายทำกำไรก่อนถึงปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ โดยหุ้นคอยน์เบส (Coinbase) ร่วงลง 4.90% หุ้นไรออท แพลตฟอร์มส์ (Riot Platforms) ร่วงลง 6.30% หุ้นมาราธอน ดิจิทัล (Marathon Digital) ดิ่งลง 4.10%
ทั้งนี้ Bitcoin Halving คือ เหตุการณ์การแบ่งครึ่งบล็อกของบิตคอยน์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุก 4 ปี ด้วยการลดอัตราการสร้างบิตคอยน์ใหม่ลงครึ่งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ลดรางวัลที่จะมอบให้กับนักขุดบิตคอยน์ เพื่อรักษาสมดุลของอุปสงค์และอุปทานของบิตคอยน์ในตลาด
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ส่วนนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่ง ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9% ในเดือนมี.ค.
นอกเหนือจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรแล้ว นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.พ., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP, ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดุลการค้าเดือนก.พ.