บล.ดีบีเอส ชี้ SET สิ้นปีนี้แตะ 1,550 จุด แนะ 5 ธีมลงทุน รับท่องเที่ยวฟื้น-นโยบายรัฐหนุน
“บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส” มองดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 67 แตะ 1,550 จุด แนะ 5 ธีมน่าลงทุน “กลุ่มท่องเที่ยว -ลงทุนโดยตรงฟื้น-รัฐเร่งลงทุนโครงการใหญ่ -การบริโภคภายในเติบโตดี และธีมดอกเบี้ยขาลง ชูหุ้นเด่น “AOT-MINT-AMATA-CK-CPALL-MTC”
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) หรือ DBSV กล่าวในงานสัมมนา “พลิกกลยุทธ์ จับทางลงทุน มุ่งสู่กำไร” โดยมองว่าดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นให้เป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2567 ไว้ที่ระดับ 1,550 จุด จากการคาดการณ์กำไรตลาดหุ้นไทยปีนี้ที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตดีขึ้น 14% ด้วยค่า P/E อยู่ที่ 17.5 เท่า หรือมี Upside ราว 12% จากระดับดัชนี ณ ปัจจุบันที่ 1,380 จุด
โดยตลาดหุ้นไทย จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน (สิ้นสุด 27 มีนาคม 2567) ปรับตัวลดลง 2% ท่ามกลางดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 10% และเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นย่านเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ปีที่แล้วขายสุทธิ 192,083 ล้านบาท และในปีนี้ก็ยังคงขายสุทธิต่อเนื่องอีก 67,640 ล้านบาท
ส่วนการปรับตัวลงสวนทิศทางตลาดหุ้นโลก ทำให้มองว่าหุ้นไทยเริ่มมีราคาที่ถูกลง และจูงใจให้นักลงทุนหวนกลับมาลงทุนมากขึ้น โดยปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้หุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว มาจาก คาดการณ์ว่าจีดีพีไทยในปี 2567 จะขยายตัว 2.7-2.8% อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ภาคการส่งออกที่เติบโต และการบริโภคที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงได้ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐ เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฟดมีการปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพี ปี 2567 ขึ้นเป็น 2.1% แม้เฟดจะยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมเมื่อวันที่ 19-20 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากเงินเฟ้อ เดือนกุมภาพันธ์ ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน แต่คาดว่าจะได้เห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆ นี้ ส่วนเศรษฐกิจจีน แม้วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ยังกดดัน แต่ก็มีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัว จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของทางการจีน
ส่วนปัจจัยเสี่ยงและไม่แน่นอนที่ยังคอยกดดันตลาดหุ้นไทย เช่น โครงการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท ที่เลื่อนไปเป็นช่วงปลายปีนี้ ซึ่งยังต้องรอดูสรุปรายละเอียดจากประชุมบอร์ดใหญ่ในวันที่ 10 เมษายน 2567 ซึ่งผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนสูง ปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคอุตสาหกรรม ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ จะมีผลต่อราคาพลังงาน และภาคส่งออกของไทย การอ่อนค่าของเงินบาท มีผลกระทบต่อเงินทุนไหลเข้า ประกอบกับในเดือนเมษายน จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD หุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัท ซึ่งกดดันให้ราคาหุ้นปรับตัวลง ใกล้เคียงกับอัตราเงินปันผล
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้สะสมหุ้นพื้นฐานดี ในจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลง โดยมี 6 หุ้นเด่น ใน 5 ธีม ที่น่าลงทุน ประกอบด้วย ดังนี้
ธีมท่องเที่ยวขยายตัวแกร่ง ได้แก่ AOT จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และฟรีวีซ่าไทย-จีนมีผล 1 มีนาคม 2567 และหุ้น MINT ที่คาดการณ์ว่าผลดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 เติบโตดี จากธุรกิจโรงแรมที่ยุโรป และในไทยเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจร้านอาหารดีขึ้น
ธีมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI หุ้นเด่นที่เราแนะนำ คือ AMATA ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนฟื้นตัว คาดว่า กำไรจากธุรกิจหลักในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว จาก 981 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 1.97 พันล้านบาทในปีนี้ และแนวโน้มกำไรปีนี้สดใสเติบโต 67% จากปีก่อน
ธีมรัฐเร่งลงทุนโครงการใหญ่ หุ้นเด่นที่แนะนำลงทุน คือ CK คาดว่าจะได้อานิสงค์จากภาครัฐเร่งลงทุน หลังงบประมาณปี 67 เริ่มใช้ได้ในเดือนเมษายน โดยบริษัทมี Backlog สูงมาก ณ สิ้นก.ย. 23 อยู่ที่ 1.45 แสนล้านบาท มีความมั่นคงด้านรายได้ไปถึง 4 ปีข้างหน้า
ธีมการบริโภคภายในเติบโตดี หุ้นเด่นคือ CPALL แนวโน้มไตรมาสแรกปี 2567 มีโมเมนตัมบวก ทั้ง CPALL และ CPAXT (CPALL ถือหุ้น CPAXT 60%) ที่ได้อานิสงค์จาก Easy E-receipt ประกอบกับภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อในปีนี้
ธีมดอกเบี้ยขาลง หุ้นเด่นแนะนำคือ MTC ผู้นำสินเชื่อจำนำรถจักรยานยนต์ แม้อุตสาหกรรมแข่งขันสูงขึ้น แต่บริษัทปรับแผนกลยุทธ์และทำกำไรได้ดี คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้โต 21.5% คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น และการตั้งสำรองฯผ่านจุดสูงสุดในปีที่ผ่านมา
ด้าน นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า เทคนิค SET ระยะสั้น หากตลาดยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,380 จุด และ 1,400-1,405 จุด ได้ ยังมีความเสี่ยงของการแกว่งตัวลงและทดสอบที่ 1,350 อีกครั้ง และการลงหลุดต่ำกว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงรอบใหม่ (จากเดิมแกว่งตัวในกรอบกว้าง 1,350-1,450) และเปิดโอกาสให้ลงทดสอบ 1,255-1,130 ได้ ซึ่งที่บริเวณแนวรับนี้มีโอกาสดีดกลับได้สูง ส่วนการปรับตัวขึ้นต้องไปยืนเหนือ 1,400-1,405 ได้ จึงจะเป็นการแกว่งตัวขึ้นทดสอบ 1,450 หากยังยืนเหนือ 1,380 ไม่ได้ยังอิงทิศทางการแกว่งลง ประเด็นเรื่องค่าเงินบาทและ Digital Wallet มีผลต่อตลาดในระยะสั้นสูง
ส่วนราคาทองคำ ระยะสั้นยังเป็นการแกว่งตัวขึ้น หากยังแกว่งลงไม่หลุดต่ำกว่า 2,200-2,180 ดอลลาร์/ออนซ์ มีแนวต้านที่ 2,250-2,350 ดอลลาร์/ออนซ์ และ 2,450-2,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลให้ชะลอตัวเป็นระยะๆ ตลาดคาดหวังเป็นจุดเริ่มต้นของการลดดอกเบี้ยรอบใหม่ 1-2 ปีนี้ แต่คาดหวังค่อนข้างมากปรับตัวขึ้น All time high ก่อนเฟดขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ยังติดตามเงินเฟ้อ PCE ต้องลดลงใกล้ 2% จึงจะเป็นสัญญาณลดดอกเบี้ย หากผิดหวังจะทำให้ทองคำผันผวนเป็นระยะๆ
ขณะที่การเคลื่อนไหวค่าเงินบาท ระยะสั้นเป็นการอ่อนค่า แต่การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเริ่มเข้าใกล้กรอบบนที่ 36.8-37 และ 37.2 ทำให้มีโอกาสชะลอการขึ้นบ้าง ประเด็นเรื่อง Digital Wallet มีผลต่อค่าเงินสูงโดยเฉพาะหากมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นมาก เงินบาทจะอ่อนค่า ส่วนระยะกลาง-ระยะยาวในช่วง 1-2 ปีจากนี้ หากเฟดลดดอกเบี้ยลงเร็วกว่าทาง กนง. จะส่งผลให้เงินบาทเป็นการแข็งค่า ระยะสั้นติดตามเรื่อง Digital Wallet
ด้าน นายวิชญ์นนท์ วงษ์ไชยคณากร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่าย Digital Business บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า บล.ดีบีเอส ยังมีแอพพลิเคชันที่ตอบโจทย์การลงทุนในทุกสินค้า ทั้งสำหรับการซื้อขาย และสำหรับการวิเคราะห์การลงทุน ทั้งทางเทคนิค และพื้นฐาน สำหรับการประกอบการตัดสินใจอย่างครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ
สำหรับหุ้น และอนุพันธ์ นักลงทุนสามารถใช้โปรแกรม Streaming ในการส่งคำสั่งซื้อขาย โดยพิเศษสำหรับลูกค้าดีบีเอส ในโปรแกรม Streaming ของทั้ง iPhone, iPAD และอุปกรณ์ Android ต่างๆ จะสามารถเข้าใช้โปรแกรม BrainBOX ที่เป็นโปรแกรมวิเคราะห์ทางเทคนิค และพื้นฐาน แบบอัตโนมัติ เหมือนนักลงทุนมีนักวิเคราะห์ส่วนตัว ที่จะมาช่วยวิเคราะห์ และจับสัญญาณทางเทคนิค พร้อมบอกว่า หุ้นถูก หรือแพง เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสม
ขณะที่การลงทุนในกองทุน ทางดีบีเอส มีแอพพลิเคชัน DBS WealthBOX พิเศษเฉพาะลูกค้าดีบีเอสที่สามารถลงทุนกองทุนได้ทั้งแบบรายตัว และแบบแผนการลงทุน (Model Portfolio) พร้อมทั้งข้อมูลอัดแน่นพิเศษ จากทาง Morningstar ที่นักลงทุนสามารถดูข้อมูลกองทุนต่างๆ ได้อย่างเจาะลึก พิเศษด้วย Top Picks กองทุนเด่น ที่นักลงทุนห้ามพลาด อีกทั้งยังสามารถค้นหากองทุนได้ตามเงื่อนไขต่างๆ ที่นักลงทุนต้องการได้อีกด้วย
ทั้งนี้ การลงทุนต่างประเทศ ดีบีเอสได้เปิดตัวแอพพลิเคชัน DBSV mTrading Thailand ที่เป็นโปรแกรมสำหรับการลงทุนต่างประเทศ ปัจจุบันครอบคลุมหุ้น 7 ประเทศหลักทั่วโลก โดยมีฟังก์ชั่นเด่น Trending Stocks (ข้อมูลจาก TipRanks) ที่คัดเลือกหุ้นต่างประเทศที่เด่น ตามความเห็นจากนักวิเคราะห์ทั่วโลก พร้อมราคาเป้าหมาย อีกทั้งยังครบถ้วนด้วยข้อมูลพื้นฐาน งบการเงินย้อนหลังมากกว่า 10 ปี และกราฟทางเทคนิคของ Trading View
นอกจากนั้น หากนักลงทุนไม่สะดวกส่งคำสั่งซื้อขายเอง ยังสามารถติดต่อที่ปรึกษาการลงทุนให้ช่วยเหลือได้เช่นกัน โดยนักลงทุนที่สนใจลงทุนในสินค้าต่างๆ สามารถเปิดบัญชีกับทางดีบีเอสครั้งเดียว ก็สามารถลงทุนสินค้าทั้งหมดได้ทันที