CGSI คัด 2 หุ้นน่าลงทุน มอง “เฟด” ลดดอกเบี้ยครึ่งปีหลัง
CGSI มองจังหวะดัชนี SET ที่ระดับ 1,370 จุด เป็นจังหวะการเข้าเทรดดิ้งอีกครั้ง พร้อมแนะหุ้นเด่น SPRC-KKP รับปัจจัยบวกเฉพาะตัว นอกจากนี้ยังแนะจับตาการพรีวิวงบไตรมาส 1/67 ของกลุ่มธนาคาร หลังมองตั้งสำรองสูงกว่าปีก่อน
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (5 เม.ย.67) มองจังหวะดัชนี SET ที่ระดับ 1,370 จุด เป็นจังหวะการเข้าเทรดดิ้งอีกครั้ง โดยตลาดรอตัวเลข Non-farm payrolls คืนวันศุกร์นี้หลัง Private payrolls ออกมาดีกว่าคาดการณ์ สนับสนุนมุมมองการ “ลด” ดอกเบี้ยของ FED ว่าอาจจะเป็นครึ่งปีหลังไม่ใช่ มิ.ย.67
สำหรับปัจจัยในประเทศ ติดตามพรีวิวงบไตรมาส 1/67 กลุ่มแบงก์ โดยคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิโดยรวมของธนาคารไทย 7 แห่งจะลดลง 1% จากปีก่อน แต่เติบโต 17% จากไตรมาสก่อนเป็น 4.98 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 1/67 เนื่องจากอัตราการสำรองหนี้สูญสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ส่วนหนึ่งจะชดเชยด้วยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรจะเติบโตจากไตรมาสก่อน เพราะค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในไตรมาส 4 จึงน่าจะทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงจาก 49% ในไตรมาส 4/66 เป็น 45.70% ในไตรมาส 1/67
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าอัตราส่วน NPL จะทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 3.61% ในไตรมาส 1/67 แต่ยังต้องระมัดระวังกับแนวโน้มอัตราการสำรองหนี้สูญที่คาดจะเพิ่มขึ้น 8bp จากปีก่อนเป็น 160bp ในไตรมาส 1/67
พร้อมกันนี้ คาดการณ์ว่า NIM จะเพิ่มขึ้น 40bp จากปีก่อน แต่ลดลง 3bp จากไตรมาสก่อนเป็น 3.63% ในไตรมาส 1/67 เนื่องจากเชื่อว่าอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อ (หลังอัตราดอกเบี้ยนโยบายแตะจุดสูงสุดที่ 2.50% ใน เดือนพ.ย.66) จะเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าต้นทุนดอกเบี้ย (ปรับตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ)
สำหรับหุ้นแนะนำ ได้แก่
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC : หลังบริษัทฯ เผยว่าหน่วย RFCC ใช้กำลังการผลิตเต็มที่ในไตรมาส 1/67 แล้วและคาดว่า SPM จะกลับมาเปิดใช้งานในไตรมาส 2/67 โดยฝ่ายวิจัยมองว่า SPRC จะได้ประโยชน์จาก crack spread น้ำมันเบนซินที่แข็งแกร่งและคาดว่าค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้นเป็น 7-8 เหรียญในไตรมาส 1/67 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวบวกสนับสนุนงบไตรมาส 1/67 เรื่อง Inventory gains
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP : เชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงรับรู้ข่าวร้ายเกี่ยวกับขาดทุนรถยึดและรถมือ 2 ประมาณ 1 พันล้านบาทในไตรมาส 4/66 โดยฝ่ายวิจัยเชื่อว่าสินเชื่อ (Gross loan) ยังสามารถเติบโต 7.20% จากปีก่อนจากสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อธุรกิจ