กลุ่มแบงก์ปรับขึ้นยกแผง! โบรกฯยังแนะ KBANK ขึ้น Top Pick

กลุ่มแบงก์ปรับขึ้นยกแผง! บล. ฟินันเซีย ไซรัส ชี้กลุ่มแบงก์น่าจะผ่านช่วงเลวร้ายของผลประกอบการในปี 2015 ไปแล้ว ขณะที่คาดว่า SCB, KTB จะเป็น 2 ธนาคารที่จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ณ เวลา 15.17 น.อยู่ที่ 153.00 บาท บวก 5.50 บาท หรือ 3.73% มูลค่าการซื้อขาย 1.4 พันล้านบาท  

ราคาหุ้น ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ณ เวลา 15.17 น.อยู่ที่ 37 บาท บวก 1 บาท หรือ 2.78% มูลค่าการซื้อขาย 27.17 ล้านบาท  

ราคาหุ้น ธนาคารกรุงไทย  จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ณ เวลา 15.17 น.อยู่ที่ 16 บาท บวก 1.30 บาท หรือ 1.91% มูลค่าการซื้อขาย 379.23 ล้านบาท  

ราคาหุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ณ เวลา 15.17 น.อยู่ที่ 115.50 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 1.76% มูลค่าการซื้อขาย 830.01 ล้านบาท  

ราคาหุ้น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ณ เวลา 15.17 น.อยู่ที่ 147.00 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 1.03% มูลค่าการซื้อขาย 379.23 ล้านบาท  

โดย บล. ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ม.ค.) ว่า คาดว่า KBANK จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/15 หดตัวลงมากที่สุดราว 43% จากไตรมาสก่อน และ ปีก่อน ขณะที่คาดว่า SCB, KTB จะเป็น 2 ธนาคารที่จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเนื่องจากสำรองฯที่ลดลงจากหนี้ SSI ที่เกิดในไตรมาส 3/15 ขณะที่คาดว่า KKP เป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่จะรายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกีบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการลดสำรองฯและค่าใช้จ่ายจากรถยึดที่ลดลง

ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/15 ของกลุ่ม ที่ราว 4 หมื่นลบ. ลดลง 10%Q-Q และ 19%Y-Y จากการคาดการณ์ว่าธนาคารจะพิจารณาตั้งสำรองหนี้สูญมากกว่าระดับปกติอีกครั้งในไตรมาสสุดท้ายของปี เพื่อสะท้อนมุมมองระมัดระวังต่อคุณภาพสินเชื่อในปี 2016 ประกอบกับเป็นไตรมาสที่จะมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานสูงตามฤดูกาลด้วย เมื่อรวมกับกำไรสุทธิ 9M15 เราคาดว่ากลุ่มธนาคารจะมีกำไรสุทธิปี 2015 ที่ราว 1.86 แสนลบ.  ลดลง 8.8%Y-Y เป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ที่กลุ่มธนาคารมีกำไรสุทธิหดตัวลงและหยุดการสร้างสถิติกำไรสูงสุดที่ทำได้มา 7 ปีติดต่อกันเนื่องจากในปี 2015 มีการตั้งสำรองหนี้สูญที่สูงขึ้นเพื่อรองรับหนี้เสียจากกลุ่ม SSI และกลุ่มอื่นๆด้วย โดยเฉพาะ SME

อย่างไรก็ดี คาดว่ากลุ่มแบงก์น่าจะผ่านช่วงเลวร้ายของผลประกอบการในปี 2015 ไปแล้ว แต่การกลับมาได้รับความสนใจน่าจะเป็นครึ่งหลังของปี 2016 เพราะคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐมากขึ้น รวมถึง NPL ที่จะเห็นจุดสูงสุดในช่วงนั้น คงคำแนะนำ Neutral แนะนำ KBANK, TMB, TCAP

ส่วน แนวโน้มกำไรปี 2016 น่าจะมีสดใสมากกว่าปี 2015 ตามความหวังแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนจากภาครัฐ ในแง่ดีคือกลุ่มแบงก์น่าจะผ่านช่วงเลวร้ายของผลประกอบการในปี 2015 ไปแล้ว แต่การกลับมาได้รับความสนใจน่าจะเป็นครึ่งหลังของปี 2016 เพราะคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐมากขึ้น รวมถึง NPL ที่จะเห็นจุดสูงสุดในช่วงนั้นด้วย เลือก KBANK (ราคาเหมาะสม 210 บาท) เป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ขณะที่ TMB (ราคาเหมาะสม 3.04 บาท)  และ TCAP (ราคาเหมาะสม 43 บาท) น่าสนใจในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดกลาง

 

Back to top button