KLINIQ ตอบโจทย์ความสวยมันหยุดไม่ได้!
KLINIQ ประกอบธุรกิจคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนัง ความงาม ศัลยกรรมตกแต่ง และการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพ รายงานผลการดำเนินงานปี 66 มีกำไรสุทธิ 288.62 ล้านบาท
คุณค่าบริษัท
ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ประกอบธุรกิจคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนัง ความงาม ศัลยกรรมตกแต่ง และการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพ โดยรายงานผลการดำเนินงานปี 2566 มีกำไรสุทธิ 288.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.5% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 205.49 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 2,284.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.4% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 1,639.03 ล้านบาท
เป็นผลจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น 15 สาขา เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งรวมถึงการขยายกลุ่มฐานลูกค้าแบรนด์ L.A.B.X เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ มากขึ้น ประกอบกับการลงทุนในยาและอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มบริการที่หลากหลาย อีกทั้งการเติบโตของรายได้จากแผนกศัลยกรรมตกแต่งที่มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีสาขาให้บริการรวม 55 สาขา ประกอบด้วย THE KLINIQUE จำนวน 38 สาขา, THE KLINIQUE SURGERY CENTER จำนวน 1 สาขา L.A.B.X. จำนวน 14 สาขา, KLINIQ SPA 1 สาขา, L’CLINIC 1 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสาขา 40 สาขาทั่วประเทศ
ขณะที่ ในปี 2567 ยังมีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด จาก 3 ปัจจัยหนุนสำคัญ ทั้งการที่ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพและภาพลักษณ์มากขึ้นในทุกเพศทุกวัย โลกเข้าสู่สังคมสูงวัย และไทยมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายสาขา 13-15 สาขา
สำหรับสาขาที่เปิดให้บริการในต้นปี 2567 อาทิ THE KLINIQUE เซ็นทรัล นครสวรรค์, เซ็นทรัล เวิล์ด, พาราไดซ์ พาร์ค, ซีคอน บางแค, เมอร์คิวรี่ วิลล์ แอด ชิดลม, เซ็นทรัล นครปฐม รวมทั้งสาขา L.A.B.X. ซีคอน ศรีนครินทร์, พรอมานาด, เอสพลานาด
ด้านบล.ดาโอ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน จาก 1)รายได้รวมเติบโต 16% จากปีก่อน จากเศรษฐกิจที่ขยายตัว ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ปรับตัวเพิ่มขึ้น, เพิ่มบริการและการขยายสาขา (บริษัทตั้งเป้า 15 สาขา คาดที่ 10 สาขา), 2)SG&A to total sales ปรับตัวลดลง จาก economy of scale
สอดคล้องกับมุมมองของบล.บัวหลวง ยังคงมองบวกต่อ KLINIQ โดยปี 2567 คาดกำไรสุทธิ 360 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องอีก 24.6% จากปีก่อน ตามประมาณการเดิม ปัจจัยหนุนจากความต้องการดูแลตัวเองของลูกค้าที่มีมากขึ้น การมีบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ได้เพิ่มขึ้น และการรับรู้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาเชิงรุก อีกทั้งผลการดำเนินงานของศูนย์ศัลยกรรมคาดจะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ หลังมีกระแสตอบรับที่ดีจนทำให้ไตรมาส 4/2566 พลิกมีกำไรไปแล้ว 1-2 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/2567 คาดจะยังเดินหน้าสร้างสถิติกำไรสูงสุดต่อเนื่อง
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น KLINIQ ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 30.30 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.12 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 5.14 เท่า ก็ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.33 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 47.60 บาท จากราคาต่ำสุด 44.50 บาท และราคาสูงสุด 50 บาท