SET ปรับขึ้นต่อตามตลาดหุ้นภูมิภาคชง 21 หุ้นเทคนิคเด่น-แนวโน้มกำไรปีนี้แจ่ม

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังธนาคารกลางจีนเข้าแทรกแซงค่าเงินในตลาด Off-Shore เป็นปัจจัยหนุนการ Rebound ของตลาดหุ้นโลก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.01 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.24 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางจีนได้เข้าแทรกแซงตลาดออฟชอร์เพื่อรักษาเสถียรภาพสกุลเงินหยวน 

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังธนาคารกลางจีนเข้าแทรกแซงค่าเงินในตลาด Off-Shore เป็นปัจจัยหนุนการ Rebound ของตลาดหุ้นโลก

สำหรับหุ้นเด่นเลือก INTUCH, ADVANC, TISCO, KCE, SVI, AAV, NOK, EPG, IRPC , TASCO , TIPCO, TOP, SAWAD, GUNKUL, AOT, EPG, CK, STEC, CI, BBL และ PTTGC

 

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (13ม.ค.)  แม้ราคาน้ำมันปรับลดลงต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT PTTEP แต่ค่าเงินหยวนที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นที่ 6.55 หยวน/ดอลลาร์ฯ หลังธนาคารกลางจีนเข้าแทรกแซงค่าเงินในตลาด Off-Shore เป็นปัจจัยหนุนการ Rebound ของตลาดหุ้นโลก รวมไปถึง SET โดยถ้าพิจารณาในทางเทคนิคประกอบถือว่ามีสัญญาณ “ฟื้นตัว” ระยะสั้น ด้วยเป้าหมายการปรับสูงขึ้น 1,274 จุด (ค่าเฉลี่ย 1 เดือน)

ขณะที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารมากขึ้น หลัง Valuation ถูกที่ PBV 2016 เฉลี่ย 0.98x ด้วย ROE ที่ 12.8% และจากรายงาน Pathumwan Corner เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา จะเห็นว่าหุ้นกลุ่มธนาคารได้รับผลดีจากความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ที่เพิ่มขึ้น และมักให้ผลตอบแทนเป็น “บวก” ในช่วง ก.พ.-เม.ย. “ซื้อ” KBANK TMB KTB และ-

          1) กลุ่มหุ้นปันผลสูง INTUCH ADVANC TISCO (ปันผล 5-6%)

          2) กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากบาทอ่อน KCE SVI

          3) กลุ่มหุ้นที่ได้ผลดีจากน้ำมันลง อย่าง AAV NOK (Laggard Play) EPG

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (13ม.ค.)  ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิด +1.68 % ปริมาณซื้อขายดีขึ้นอยู่ที่ 4.69 หมื่น ลบ. โดยทั้งสถาบัน ต่างชาติ พอร์ตโบรกเกอร์เป็นผู้ซื้อสุทธิ  หลังจากความผันผวนของค่าหยวนเริ่มลดลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นแถบเอเชียกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง ปลายสัปดาห์นี้ นายก ฯ จะไปที่ ตลท. เพื่อแถลงทิศทางบทบาทและแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งน่าจะส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นในช่วงสั้น

กลยุทธ์การลงทุน ประเมิน SET ยังน่าสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวรับ 1,240 จุด และแนวต้าน 1,280 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร IRPC , TASCO , TIPCO ซึ่งมีสัญญาณบวกทางเทคนิค

 

บล.ซีไอเอ็มบี ระบุในบทวิเคราะห์ (13ม.ค.)  กลยุทธ์ : ทิศทางตลาดหุ้นโลกและเอเชียในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์ มองยังสามารถดีดกลับกลับได้อีกสักพัก หลังปรับตัวลงแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจาก 1. ยังอยู่ในช่วงขายมากเกินไป 2. ราคาน้ำมันเริ่มทรงๆ ตัวและยังไม่หลุด 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 3. ปัจจัยกดดันจากจีน ตลาดเริ่มรับทราบข่าวและ 4. กำลังเข้าสู่ช่วงเก็งกำไรงบ Q4/15 สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทย ก็คงไม่ต่างจากภูมิภาค คือ จะยังสามารถรีบาวน์ได้ต่อ จากปัจจัยกดดันจากต่างประเทศคลายตัวลง ต่างชาติเริ่มมีการซื้อคืนหุ้นไทย แรงซื้อเก็งงบ Q4/15 กลุ่มธนาคารพาณิชย์และความกังวลปัญหาการเมืองภายในคลายตัวลง

โดยมองว่า หากดัชนี SET สามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 1270 ได้ จุดต่อไปคือ1280 และ 1300+/- จุด วันนี้มองดัชนีเปิดขึ้นมาจะปรับตัวขึ้น หลังดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป ปรับตัวขึ้นแรง นอกจากนั้นเปิดขึ้นมาเช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียก็ปรับตัวในแดนบวกทั้งสิ้น ส่วนการประกาศตัวเลขของจีนที่คาดจะออกมาไม่ดี จะไม่ส่งผลกับตลาดเพราะอยู่ในความคาดหมาย วันนี้มองแนวต้านที่ 1265-1270 จุด แนวรับที่ 1250-1245จุด โดยเน้นเก็งกำไร TOP IRPC AAV และ TISCO

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ม.ค.) มีมุมมองเป็นกลางถึงบวกต่อตลาดในวันนี้ SET ยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อ ตามตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นจีนที่ผันผวนและค่าเงินหยวนที่อ่อนค่า หลังจากธนาคารจีนได้เข้าแทรกแซงและทำให้ตลาดหุ้นและค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่า SET ฟื้นตัวรอบนี้น่าจะปรับขึ้นอย่างน้อย 5% (หรือแตะระดับ 1300 จุด) โดยเทียบกับการฟื้นตัวเมื่อครั้งที่จีนมีการลดค่าเงินหยวนเมื่อเดือนส.ค 2015 ที่ปรับขึ้นกว่า 7.7% 

ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันอาจจะหน่วงตลาดในวันนี้เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังปรับลงต่อเนื่องแตะระดับ US$30/บาร์เรล และมีแนวโน้มต่ำลงอีก แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าราคาหุ้นในกลุ่มน้ำมันจะปรับลงไม่มากเนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับลงมามากแล้ว

อีกทั้งราคาน้ำมันที่ตกต่ำจะช่วยให้กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ประโยชน์ หรือแม้กระทั่งหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีปลายน้ำอย่าง IRPC และ PTTGC ก็ได้ประโยชน์เพราะค่าการกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มขนส่ง สายการบิน นอกจากนี้หุ้นกลุ่มธนาคารน่าจะเป็นกลุ่มนำตลาดต่อเนื่องในวันนี้ โดยเฉพาะหุ้นที่ยัง Laggard อย่าง BBL

อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องติดตามรายงานยอดส่งออกเดือนธ.ค. ของจีนที่ตลาดคาดว่าจะติดลบ –8%YoY เพิ่มขึ้น -6.8%YoY ในเดือนพ.ย 2015 และหากติดลบมากกว่าคาดอาจจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ได้

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BBL (Laggard play ของกลุ่มธนาคาร) และ PTTGC (ราคาต่ำกว่าพื้นฐานและ Laggard)

หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตดีในปี 2016 : SAWAD GUNKUL AOT EPG CK STEC และ CI

 

Back to top button