“ชัยยศ” มอง SET อ่อนตัว แนะดักเก็บ “กลุ่มพลังงาน-แบงก์”
“ชัยยศ จิวางกูร” มอง SET อ่อนตัวให้กรอบแนวรับที่ 1,380-1385 จุด แนะซื้อเก็งกำไร ชู PTTEP รับแรงหนุนราคาน้ำมัน พ่วง IVL อานิสงส์ตัวเลข spread PET ฟื้นตัวพร้อม GDP จีนไตรมาสแรกขยายตัวหนุนความต้องการเม็ดพลาสติกเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มแบงก์ BBl-TTB-KTB หลังแนวโน้มการเติบโตเด่น
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยฝ่ายผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (17 เม.ย.67) ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกมีทิศทางปรับตัวลง หลัง 2 ปัจจัยสำคัญจากสถานการณ์สงครามตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านและอิสราเอล รวมไปถึงพันธบัตรสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้น ด้านนักวิเคราะห์ต่างชาติบางส่วนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ “เฟด” อาจไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในปี 2567 ซึ่งอาจเป็นผลมาจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ขณะที่ ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า SET Index อาจมีแนวโน้มอ่อนตัวลงซึ่งให้กรอบดัชนีแนวรับที่ 1,380-1385 จุด อีกทั้งมองว่า 2 ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น นับเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยที่ยืดเยื้อ และนับปัจจัยที่ไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ส่วนสถานการณ์เงินเฟ้อนั้น “เฟด” ได้ติดตามมาเกือบครึ่งปีแต่ทิศทางไม่มีแนวโน้มปรับตัวลง ซึ่งสวนทางกับการเปิดเผยดัชนีตัวเลขการจ้างงานและภาคการผลิตที่แข็งแกร่งกว่าคาดการณ์
โดยฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยดังกล่าวยังคงอยู่อย่างน้อยๆ ถึงช่วงไตรมาส 3/2567 เพราะฉะนั้นแนะนำนักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากมีผลต่อการไหลเข้าของ “ฟันด์โฟลว์” ต่างชาติ
นอกจากนี้ หากมองกลับมาที่ปัจจัยภายในประเทศนับว่ามีทิศทางค่อนข้างดีจากการที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ ภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จาก 1% เหลือ 0.01% รวมถึงกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทย GDP มีการฟื้นตัว
ทั้งนี้ ยังคงมองว่าแม้จะมีปัจจัยสนับสนุนในหลายด้านแต่นักลงทุนยังมีความกังวลเรื่องสถานการณ์ “ฟันด์โฟลว์” ต่างชาติที่อาจไม่ไหลเข้าประเทศจากปัจจัยสงครามและภาวะเงินเฟ้อ โดยฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าลักษณะตลาดหุ้นที่อ่อนตัวตามปัจจัยกดดันดังกล่าวยังคงเป็นจังหวะเข้าซื้อหุ้นได้ในช่วงนี้
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” กลุ่มที่อิงตามราคาน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันทรงตัวอยู่ที่ 85 ดอลลาร์/บาร์เรล อาทิ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP โดยแนะนำซื้อราคาพื้นฐาน 174 บาท รวมทั้ง บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL หลังตัวเลข spread PET ฟื้นตัว ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากประเทศจีนประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ GDP ไตรมาสแรก ขยายตัว 5.3% คาดการณ์ว่าจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้งานเม็ดพลาสติกเพิ่มขึ้นและส่งผลให้งบการเงิน IVL ออกมาดีตามไปด้าย
ขณะที่ กลุ่มแบงก์แนะนำนักลงทุน “ซื้อเก็งกำไร” จากทิศทางการเติบโตที่มีแนวโน้มปรับตัวดี ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์มองอยู่ประมาณ 3 แบงก์ คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBl, ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB
สุดท้ายนี้ จากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าตลาดหุ้นไทยช่วงนี้อาจมีความผันผวน จาก “ฟันด์โฟลว์” ต่างชาติที่อาจไม่ไหลเข้าประเทศ แต่คาดการณ์ว่า GDP ในประเทศจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นจากการใช้มาตรการกระตุ้นต่างๆ และจะส่งผลให้ “ฟันด์โฟลว์” กลับมาหนุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้