เม็ดเงินโฆษณาสะพัด..สัญญาณบวกเศรษฐกิจไทย
หนึ่งในดัชนีชี้วัดสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นั่นคือ “เม็ดเงินโฆษณา” จากผู้ประกอบการและแบรนด์สินค้าต่าง ๆ
หนึ่งในดัชนีชี้วัดสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นั่นคือ “เม็ดเงินโฆษณา” จากผู้ประกอบการและแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการตอกย้ำแบรนด์และกระตุ้นยอดขายผ่านการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
ล่าสุดข้อมูลผลสำรวจจากนีลเส็นไอคิว พบว่า ช่วงไตรมาส 1/67 มีมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาอยู่ที่ 27,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 6% โดยมีสัดส่วนการใช้เงินผ่านสื่อทีวีสูงสุดอยู่ที่ 50% และสื่อที่มีการเติบโตสูงสุดคือสื่อ สื่อกลางแจ้ง (Out of Home) ที่มีตัวเลขการเติบโตกว่า 16%
จากภาพรวมการใช้เม็ดเงินโฆษณาดังกล่าว พบว่าอุตสาหกรรมที่มีการใช้เงินมากสุด คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มูลค่ากว่า 4,476 ล้านบาท รองลงมาคือกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย (Personal Care & Cosmetic) มูลค่ากว่า 3,544 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มการท่องเที่ยว มูลค่ากว่า 652 ล้านบาท (เติบโต 46%)
โดยเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวีมีสัดส่วนอยู่ที่ 50% บ่งชี้ได้ว่าสื่อทีวียังเป็นสื่อหลักที่เหล่าบรรดานักโฆษณายังให้ความสำคัญเพื่อการเข้าถึงลูกค้า และมีการเติบโตช่วงไตรมาส 1/67 ประมาณ 2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
นั่นสะท้อนให้เห็นว่า…แบรนด์ต่าง ๆ มีความเชื่อมั่นสื่อทีวีที่จะเป็นช่องทางหลักลูกค้าได้มากสุด..!!
ทั้งนี้ข้อมูลจากผลสำรวจล่าสุด พบว่า สัดส่วนกว่า 90% ของครัวเรือนไทยมีทีวี โดยกว่า 45% เป็น Smart TV หรือทีวีที่เชื่อมอินเทอร์เน็ตและรับชมคอนเทนต์แบบออนไลน์ได้
นั่นจึงสอดคล้องกับข้อมูลจาก Cross-platform ratings พบว่า เรตติ้งคอนเทนต์ทีวีช่วงไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 45% จากรับชมคอนเทนต์ผ่านช่องทางสตรีมมิ่ง และคอนเทนต์ผ่านช่องทางทีวีแบบออฟไลน์อยู่ที่ 55%
สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยยังรับชมคอนเทนต์ทีวีอยู่ เพียงแต่ว่ามีการกระจายไปตามทางช่องทางสตรีมมิ่งหรือออนไลน์มากขึ้น..
ส่วนรายการที่มีการรับชมสูงสุด เป็นรายการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก นัดที่ไทยเจอกับเกาหลีใต้ (ผ่านช่องไทยรัฐทีวี) ที่มีการรับชมผ่านทางทีวีและช่องทางสตรีมมิ่ง
อย่างไรก็ดีปีนี้โปรแกรมการแข่งขันวอลเลย์บอล เริ่มต้นตั้งแต่เดือนเม.ย. 67 ด้วยโปรแกรมวอลเลย์บอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย และต่อด้วยวอลเลย์บอลเนชันส์ลีก 2024 (VNL 2024) ช่วงเดือนพฤษภาคม และการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ทำให้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวีมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทีเดียว
นอกเหนือจากการถ่ายทอดสดกีฬาแล้ว พบว่า ละครเย็นช่วงประมาณ 19.00 น. จะได้รับเรตติ้งดีด้วยเช่นกัน โดยกลุ่มผู้ชมพื้นที่ต่างจังหวัด จะชื่นชอบคอนเทนต์ละครเย็นเป็นพิเศษ เนื่องจากละครมีเนื้อหาเบา คลายเครียดทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงของคนไทย
ทั้งนี้มีข้อมูลจากนีลเส็นไอคิว เพิ่มเติมว่า “ตลาดน้ำอัดลม” รอบ 1 ปีที่ผ่านมา (ก.พ. 66-ม.ค. 67) มีมูลค่าตลาดประมาณ 66,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 12% ถือว่าเป็นอีกปีที่ตลาดน้ำอัดลมมีการเติบโตสูงต่อเนื่อง จากปี 2565 ที่การเติบโตเฉลี่ยใกล้เคียงกัน โดยมีตัวเลขเติบโตอยู่ที่ 16%
โดย “น้ำอัดลม” เป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่มีสัดส่วนมากสุดของตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 198,000-200,000 ล้านบาท โดย “น้ำอัดลม” ครองสัดส่วนมากสุดประมาณ 31% รองลงมาคือ “น้ำเปล่าบรรจุขวด” มีสัดส่วนประมาณ 22% อันดับ 3 คือ “เครื่องดื่มชูกำลัง” สัดส่วนประมาณ 16%
จากข้อมูลข้างต้น..ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อกิจกรรมทางธุรกิจอันจะมีผลสืบเนื่องต่อเศรษฐกิจไทยต่อไป..!?
สุภชัย ปกป้อง