GULF ปิดจ๊อบผนึก BWG-ETC โรงไฟฟ้าขยะอุตฯ-ผลิตเชื้อเพลิงแข็ง มูลค่า 1.76 หมื่นล้าน
GULF ปิดจ๊อบ! ร่วมลงทุน BWG-ETC โครงการโรงไฟฟ้าขยะ 10 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 80 เมกะวัตต์ กำหนด COD ในปี 69 และโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม 3 โครงการ กำหนด COD ในปี 68 รวมมูลค่าโครงการ 1.76 หมื่นล้านบาท
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า ตามที่บริษัทแจ้งตลาดฯเมื่อวันที่ 12 มี.ค.67 เรื่องการลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 10 โครงการ และโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม (Solid Recovered Fuel: SRF) จำนวน 3 โครงการนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 บริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (GWTE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯถือหุ้นร้อยละ 100 ได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETC เพื่อร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม นอกจากนี้ GWTE ยังได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG เพื่อร่วมพัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรมโดยมีรายละเอียดดังนี้
GWTE ได้ร่วมลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นกับ ETC เพื่อเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50.00 ของบริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด (GGP) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 10 โครงการ ที่ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นระยะเวลา 20 ปี ไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาจำนวน 8 เมกะวัตต์ต่อโครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาทั้งสิ้นจำนวน 80 เมกะวัตต์ และมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569
นอกจากนี้ ETC ทำการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด (SIP) ซึ่งเป็นการเข้ามาถือหุ้นร่วมกับ GWTE และ บริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX) เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 2 โครงการ โดยภายหลังจากการเพิ่มทุนดังกล่าว ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน SIP ของ GWTE, WTX และ ETC อยู่ที่ร้อยละ 34.00, 33.00 และ 33.00 ตามลำดับ
ทั้งนี้โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้ง 2 โครงการภายใต้ SIP มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 16 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. เป็นระยะเวลา 20 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ GWTE และ BWG ได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50.00 ของบริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จากัด (CC) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,600 ล้านบาท และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 โดย CC จะเป็นผู้จัดหาเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม เพื่อส่งให้โรงไฟฟ้าในกลุ่ม GWTE ใช้ในการผลิตไฟฟ้าต่อไป
ทั้งนี้ภายหลังจากการดำเนินธุรกรรมดังกล่าวข้างต้นกลุ่มบริษัทฯจะมีโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. ภายใต้รูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 12 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 96 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569 และมีโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรมจำนวน 3 โครงการ ซึ่งมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 ทั้งนี้หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมในการพัฒนาโครงการ บริษัทฯจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป