สะพัด! SAFE จ่อทำแชร์สวอป ดึง “เจตนิน” ฮุบกิจการ ฟากผู้บริหารปฏิเสธ ยันไม่เป็นความจริง
ลือกระฉ่อนวงการไอบี! SAFE จ่อปิดดีล “รีเวิร์ส เทกโอเวอร์” เปิดทาง “เจตนิน” เข้าตลาดทางอ้อมผ่านธุรกรรม “แชร์สวอป” ฟากซีเอฟโอบริษัทปัดข่าวไม่เป็นความจริง ”แต่พร้อมแจ้งตลาดหลักทรัพย์ทันทีหากมีธุรกรรมเกิดขึ้น“
บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าตามที่มีข่าวบริษัทควบรวมกิจการกับ บริษัท เจตนิน จำกัด นั้น ทางบริษัท ขอเรียนชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง บริษัทไม่มีการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด หากมีธุรกรรมเกิดขึ้น บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเวลาที่เหมาะสม
โดยก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวจากวงการวาณิชธนกิจ เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากเจตนิน ที่ดำเนินงานภายใต้บริษัท เจตนิน จำกัด กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาและพิจารณาเข้าควบรวมกิจการกับบริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ด้วยวิธีการแลกหุ้น (Share Swap) กล่าวคือ SAFE จะมีการออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ให้ผู้ถือหุ้นเจตนิน แทนการจ่ายเงินสดในการซื้อหุ้นเจตนิน โดยล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับสัดส่วนของการแลกหุ้นกัน เนื่องจากว่าจะต้องขึ้นอยู่กับการตีมูลค่าของแต่ละบริษัท โดยมีกำหนดทำ Share Swap ทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวช่วงไตรมาส 3/67
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มูลค่าสินทรัพย์และมูลค่าตลาดกลุ่มเจตนินที่มีมากกว่า SAFE ทำให้เมื่อมีการแลกหุ้นกันแล้ว จะทำให้กลุ่มเจตนินกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SAFE แทนกลุ่มเดิม และทำให้มูลค่าสินทรัพย์รวมหลังการควบกิจการทั้ง 2 บริษัท เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4,000 ล้านบาท มีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,500-2,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 500-1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้จากข้อมูลของ Allied Market Research ระบุว่า ช่วงปี 2563 การให้บริการผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IVF (In-vitro Fertilization) ของไทย ได้รับผลกระทบจาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มูลค่าลดลงมาอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท พร้อมประเมินว่ามูลค่าตลาดจะฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับ 3,300 ล้านบาท ช่วงปี 2570 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 6% (ระหว่างปี 2563-2570) หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2563 กว่า 1.5 เท่า
ดังนั้น หากนำตัวเลขมูลค่าตลาด 3,300 ล้านบาทดังกล่าว มาเทียบเคียงกับรายได้ของ SAF และเจตนิน ที่รวมกันอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เท่ากับว่าจะทำให้มาร์เก็ตแชร์ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งทันที ด้วยส่วนแบ่งตามมูลค่าตลาดเกือบ 50%
สำหรับโรงพยาบาลศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากเจตนิน มีการดำเนินงาน 6 ธุรกิจ ประกอบด้วย 1)ทำธุรกิจเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI 2)การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว 3)การแช่แข็งไข่และการฝากไข่ 4)การฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก 5)เทคโนโลยี IMSI เพื่อการรักษามีบุตรยาก 6)การเจาะเก็บอสุจิโดยตรงจากอัณฑะ นอกจากนี้ยังมีบริษัทในเครือคือบริษัท ไทยเสตมไลฟ์ จำกัด ที่ทำธุรกิจเก็บเสต็มเซลล์อยู่ในกลุ่มธุรกิจเจตนินด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดีจากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัท เจตนิน จำกัด มีการจดจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2537 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท ล่าสุดอยู่ที่ 175 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เป็นโรงพยาบาลเอกชนศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก มีนายจงเจตน์ อาวเจนพงษ์, นางอุษณีย์ เจตน์สว่างศรี, นางชญาภัส พานิชสุขไพศาล เป็นกรรมการผู้มีอำนาจผู้ลงนาม
โดยข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง (ปี 2561-2565) พบว่าปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 1,888.40 ล้านบาท หนี้สินรวม 248.52 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 1,639.88 ล้านบาท รายได้รวม 643.81 ล้านบาท กำไรสุทธิ 156.82 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 24.36% ปี 2564 มีสินทรัพย์รวม 1,815.28 ล้านบาท หนี้สินรวม 248.62 ล้านบาท ส่วนของผุถือหุ้น 1,566.60 ล้านบาท รายได้รวม 444.93 ล้านบาท กำไรสุทธิ 38.15 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 8.57%
สำหรับปี 2563 มีสินทรัพย์รวม 1,802.63 ล้านบาท หนี้สินรวม 239.18 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 1,563.45 ล้านบาท รายได้รวม 537.03 ล้านบาท กำไรสุทธิ 92.23 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 17.17% ปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 1,919.86 ล้านบาท หนี้สินรวม 363.18 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 1,556.68 ล้านบาท รายได้รวม 2,156.54 ล้านบาท กำไรสุทธิ 877.74 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 40.70% และปี 2561 มีสินทรัพย์รวม 1,255.15 ล้านบาท หนี้สินรวม 401.20 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 853.94 ล้านบาท มีรายได้รวม 2,513.15 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,092.27 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 43.46%