เลิกกลัวแล้วเหรอ?โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 วันที่ผ่านมาเป็นอะไรที่โอเว่อร์แบบได้ใจสุดๆ หลังมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันไหลเข้ามาอย่างพรั่งพรู เพียงเพราะตลาดหุ้นต่างประเทศบวกเขียวปี๋ นักเล่นเหล่านี้ก็จินตนาการไปถึงขั้นที่ว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้นแล้ว วานนี้ถึงเห็นหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 1,278.61 จุด บวกไป 23.31 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.92 หมื่นล้านบาท มันเป็นอะไรบอกไม่ถูกจริงๆ นะคะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 วันที่ผ่านมาเป็นอะไรที่โอเว่อร์แบบได้ใจสุดๆ หลังมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันไหลเข้ามาอย่างพรั่งพรู เพียงเพราะตลาดหุ้นต่างประเทศบวกเขียวปี๋ นักเล่นเหล่านี้ก็จินตนาการไปถึงขั้นที่ว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้นแล้ว วานนี้ถึงเห็นหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 1,278.61 จุด บวกไป 23.31 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.92 หมื่นล้านบาท มันเป็นอะไรบอกไม่ถูกจริงๆ นะคะ
*เนื่องจากของมันเห็นกันอย่างทนโท่ว่า เศรษฐกิจของไทยยังง่อนแง่นโยกเยกไปมา แถมตัวเลขผลประกอบการปี 58 ก็ถดถอยกันอย่างถ้วนหน้า “โมนิก้า” ถึงค่อนข้างสงสัยว่า เมื่อต้นสัปดาห์ดัชนียังยืนซึมกระทืออยู่ที่ระดับ 1,234.50 จุด เผลอแป๊บเดียว 2วันดัชนีบวกขึ้นมา 44.11 จุด พร้อมกับแสดงเจตจำนงขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,300 จุด มันเป็นรูปแบบที่ยั่งยืนหรือเปล่า?
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องทักท้วงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ล้วนมาจากคำว่า money game เริ่มเล่นกันหนักมือขึ้นเรื่อยๆ ผู้เล่นถึงต้องอ่านเกมให้ขาดตั้งแต่หัววัน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนที่ขึ้นไปอยู่บนยอดดอย ซึ่งเป็นประเด็นที่พยายามย้ำเตือนทุกครั้งที่เห็นอะไรไม่ชอบมาพากล วันนี้ถึงต้องรายงานให้มิตรรักแฟนเพลง “ข่าวหุ้น” ได้เตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเจ้าค่ะ
*เหมือนกับการกลับเข้ามาซื้อของกองทุนขี้ตืดเป็นจำนวน 4.58 พันล้านบาท ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวซื้อแบบเสียไม่ได้เป็นจำนวน 320 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่เล่นกันโหดเกินไปหน่อย และคงมีคำอธิบายออกมาบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบละเอียดยิบ ซึ่งเป็นมุกเดิมๆ ที่เห็นได้เป็นประจำในช่วงที่ตลาดหุ้นตกลงมาหนักๆ เดี๊ยนถึงไม่อยากคาดหวังอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่ไงล่ะค่ะ
*เมื่อเกมหุ้นถูกเซ็ตให้ขับเคลื่อนจากนักเล่นกลุ่มนี้ KBANK จึงตกเป็นเป้าหมายแรกของการไล่ซื้อแบบสุดลิ่มทิ่มประตู พร้อมกับมีคำอธิบายออกมามากมายว่า สุขภาพของตัวธนาคาร “ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้” แต่ถ้าย้อนกลับไปดูจะเห็นว่า ช่วงที่หุ้นตกลงมาหนักๆ ก็เกิดจากน้ำมือก๊วนนี้เต็มๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้คิดกันนิดหนึ่งว่า การขึ้นมาปิดที่ 163 บาท บวกไป 8.50 บาท หรือขึ้นไป 5.50% ด้วยมูลค่า 3.60 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะของการ “ปล่อยของ” หรือ “ไล่เก็บ” กันแน่ตัวเอง!
*ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ แรงซื้อในเที่ยวนี้กระจายเข้าไปยังหุ้นแบงก์อย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น SCB KTB BBL BAY TMB ซึ่งมีคำบรรยายภาคภาษาหุ้นว่า ของดี..ของถูก..เชิญทางนี้! ทั้งที่ก่อนหน้านี้เม้าท์มอยกันอย่างเมามันว่า ในเมื่อเศรษฐกิจรอบนี้ไม่ดีเอาเสียเลย ย่อมทำให้หุ้นแบงก์กระอักเลือดแน่ๆ มันเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า คบไม่ได้?..แต่ถึงกระนั้นก็อยากให้รู้ไว้ว่า การทะยานขึ้นของหุ้นแบงก์เที่ยวนี้ มีส่วนผลักดันให้ดัชนีขึ้นไปอย่างน้อย 7 จุด วันนี้ถึงต้องจับตาหุ้นกลุ่มนี้ให้ดีๆ เจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ PTT และ PTTEP ล้วนได้รับอานิสงส์จากการกลับเข้ามาซื้อของกองทุนตัวแสบ เพราะเมื่อมองดูราคาน้ำมันดิบที่ใกล้จะหลุด 30 เหรียญต่อบาร์เรล มันเป็นตัวแปรที่ทำให้ภาพของ 2 แม่ลูกดีไม่สดใสเอาเสียเลย “โมนิก้า” ถึงค่อนข้างแปลกใจที่เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 227 บาท บวกไป 13 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่า 2.98 พันล้านบาท ส่วนตัวลูกก็อาศัยจังหวะชุลมุนวิ่งขึ้นมาปิดที่ 50.75 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่า 930 ล้านบาท เดี๊ยนเม้าท์ได้แค่ว่า มันจังหวะต่อเนื่อง..ไม่มีนัยสำคัญหรอกค่ะ
*ส่วนที่มีประเด็นให้ติดตาม “โมนิก้า” กลับมองไปที่ TRUE ราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นอย่างร้อนแรง ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตต่อเนื่องที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะเป็นการบวกวันที่สองติดต่อกัน ก่อนจะจบลงที่ระดับ 6.95 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 12% ด้วยมูลค่า 1.70 พันล้านบาท มันเป็นอะไรที่นักเล่นต้องแบ่งพอร์ตมาลงทุนโดยด่วน หลังเดี๊ยนชำเลืองดูค่า P/BV อยู่แค่ระดับ 2 เท่า..ของจริงๆ ควรเทรดที่ 3 เท่าไม่ใช่เหรอ?
*สำหรับในรายของ GL กลายเป็นนักโหนกระแสชั้นยอดของตลาดหุ้นไทย และทุกครั้งที่บรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคัก มักเห็นหุ้นลิสซิ่งรายนี้กระชากขึ้นแรงเป็นประจำ ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 20.60 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 8.40% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท พร้อมกับวิ่งทะลุแนวต้าน 20 บาทอย่างง่ายดาย และยังทำ new high ได้อีกครั้งแบบนี้..บอกได้ทันทีว่า วันนี้มีลุ้นไปต่ออีกนิดหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่า บรรยากาศต้องเป็นใจนะคะ
*เช่นเดียวกับสถานการณ์ของหุ้น BIG หลายคนรู้ว่า การเติบโตของหุ้นตัวนี้เป็นไปอย่างสวยหรู ซึ่งการันตีได้จากผลประกอบการในช่วง 9 เดือน ปี 58 “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.64 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่า 270 ล้านบาท เพราะวันนี้เขาเทรดบนค่า P/E 15 เท่า ซึ่งมันน้อยเกินไปสำหรับหุ้นที่มี growth ค่อนข้างชัดเจน วันนี้ถึงห้ามพลาดขบวนรถด่วนอีกเที่ยวนะจ๊ะ
*ส่วนหุ้นเทิร์นอะราวด์ที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับจับตาดูเป็นพิเศษในเที่ยวนี้ก็คือ SMT ว่ากันว่า ผู้บริหารคนใหม่ที่เข้ามาเป็นคนจัดโครงสร้างเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเห็นตัวเลขกำไรขยับขึ้นเป็นแบบขั้นบันได บวกกับกูรูบางคนเริ่มใจในโมเดลธุรกิจรอบนี้มากขึ้น จึงรีบกระโจนใส่ก่อนใครเพื่อน หุ้นถึงกระชากขึ้นมาปิดที่ 10.50 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่า 70 ล้านบาท แถมเป็นการดีดตัวขึ้นวันแรกแบบนี้..เล่นได้อีกหลายช็อตนะจะบอกให้