“เอกภาวิน” แนะลงทุน 3 ธีมเด่น ลุ้นงบ Q1 โตแกร่ง
“เอกภาวิน สุนทราภิชาติ” แนะลงทุน 3 ธีมเด่น เน้นงบไตรมาส 1/67 โตแกร่ง พ่วง Defensive ลดผันผวนต่ำ ชี้ SET แกว่งตัวในกรอบจำกัด ให้กรอบดัชนีแนวต้าน 1,370 จุด แนวรับ 1,355-1,350 จุด ฟากนักลงทุนจับตาประชุมเฟดรู้ผล 2 พ.ค.นี้
นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด หรือ INVX เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (29 เม.ย. 67) ว่าทิศทางตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในวันนี้คาดปรับตัวขึ้นตามทิศทางดาวโจนส์ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากผลการดำเนินงานออกมาสดใสเป็นแรงหนุน และสร้างเซนติเมนท์เชิงบวกให้ตลาดหุ้นเอเชียและบ้านเราในช่วงแรก ซึ่งมองตลาดยังขาดแรงส่งต่อเนื่องจากปัจจัยหลักๆในประเทศยังไม่ค่อยชัดเจน
ขณะเดียวกันตลาดรอผลการประชุมเฟดที่คาดว่าจะออกชัดเจนในช่วงเช้าวันที่ 2 พ.ค.67 ดังนั้นนักลงทุนอาจจะต้องระมัดระวังในเรื่องของสัญญาณดอกเบี้ยที่อาจจะเป็นภาพของการชะลอลดดอกเบี้ย ที่คาดว่าจะเลื่อนออกไปปลายปีนี้โดยตลาดมองว่าจะปรับลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง จากก่อนหน้านี้คาดหวังปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ตรงนี้น่าจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดเป็นระยะๆ
ขณะที่ภาพผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศการเติบโตไม่ได้เด่นชัดมากนัก และปัญหาในตะวันออกกลางก็ยังต้องติดตามเป็นระยะๆ เพราะฉะนั้นกรอบบนจึงมองว่ายังถูกจำกัดอยู่ที่ 1,370 จุด ส่วนกรอบล่างอยู่ที่ 1,355-1,350 จุด มองเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบมากกว่า
ส่วนปัจจัยที่จะทำให้ตลาดขึ้นไป 1,400 จุด ต้องมองปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต อีกทั้งจีดีพีที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3-4% จากโครงการเงินดิจิตอล 10,000 บาทในปลายปีนี้ ก็คาดว่าจะเป็นผลดีในปีหน้า และการลดดอกเบี้ยยังไม่ชัดจากทิศทางเฟด ดังนั้นหากตัวเศรษฐกิจดังกล่าสเด่นชัด ดีก็น่าหนุนให้ SET ขึ้นไปทะลุ 1,400 จุดได้
สำหรับกรณีนายพิชัย ชุณหวชิระ เข้ามานั่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มองว่าปัจจัยดังกล่าวตลาดจะตอบรับในเชิงบวกสั้นๆมากกว่า หากภาพรวมเศรษฐกิจผลการดำเนินงานยังไม่เติบโตชัดเจนตลาดก็น่ายังขึ้นได้ยาก
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้แนะนำเล่นเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากมองภาพรวมยังเป็นดาวไซด์ แต่ถ้าซื้อลงทุนแนะนำซื้อลงทุนยาว โดยแนะนำลงทุน 3 ธีมได้แก่ 1.เก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/67 ออกมาดี อาทิ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE, บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP,
2.แนะนำกลุ่ม Defensive ชอบความผันผวนต่ำ ได้แก่ หุ้นโรงพยาบาล อาทิ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH, กลุ่มขนส่งทางบก บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, ค้าปลีกได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT และหุ้นปันผลดีก็คือกลุ่มอสังหาฯ ได้แก่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP
3.กลุ่มได้ประโยชน์น้ำมันปรับขึ้น อาทิ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และแนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มกลุ่มโรงไฟฟ้าเนื่องจากค่าเงินบาทกดดันผลการดำเนินไตรมาส 1/67