ขึ้นน้อย แต่ก็ขึ้นล่ะ

หากนับจากวันที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงแรงในช่วงวันที่ 11-19 เม.ย.ที่ผ่านมาราว 75-76 จุด หลังจากนั้นดัชนีปิดในแดนบวกมาตลาดในช่วง 7 วันทำการ


หากนับจากวันที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงแรงในช่วงวันที่ 11-19 เม.ย.ที่ผ่านมาราว 75-76 จุด

หลังจากนั้นดัชนีปิดในแดนบวกมาตลาดในช่วง 7 วันทำการ

คือ ปิดบวก 6 วัน และปรับลงเพียง 1 วัน

ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่ขยับขึ้นมายืนเหนือ 4 หมื่นล้านบาท

ทว่ากลุ่มหุ้นที่เข้ามาช่วยดันดัชนีกลับหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน

บางวันกลุ่มธนาคารที่นำโดย KBANK SCB BBL เป็นตัวดันหรือช่วยประคองดัชนี (แต่บางวันก็เป็นตัวฉุด) อย่างเช่น เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

กลุ่มธนาคารที่วิ่งขึ้น น่าจะมาจากการเล่นเก็งกำไรเรื่องเฟดน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้

ส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ย หรือ NIM ยังอยู่ระดับสูง

และช่วยประคองกำไรจาก NIM ในปี 2567 ไว้ได้ แม้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับลูกรัฐบาล

ทว่า ประเด็นดังกล่าวไม่ได้กระทบกับกำไรมากนัก

กลุ่มอาหาร ที่นำโดย CPF GFPT TU วิ่งขึ้นมาแรงเช่นกัน เช่นเดียวกับกลุ่มค้าปลีก CPALL CRC ที่ราคาเริ่มดีดกลับ สัญญาณเทคนิคกลับมาดีอิงด้านบวกมากขึ้น

นักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ดัชนีในกรอบ 1,330–1,380 จุด

แต่ระดับ 1,350 จุด ถือว่า ค่อนข้างถูกแล้วล่ะ

อย่างหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เองเขาก็แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นในช่วงดัชนี 1,350 จุด

อีกธีมกลุ่มหุ้นที่ราคาเริ่มน่าสนใจจากนักลงทุน

เช่น กลุ่มที่คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2567 จะออกมาในทิศทางที่ดีขึ้น

ทำให้มีแรงเข้ามาเก็งกำไรกลุ่มนี้กัน

ถือเป็นการช่วยประคองดัชนีไว้ได้ในช่วงที่หุ้นหลายตัวทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายเงินปันผล

ทิศทางหุ้นไทยนับจากนี้ ยังไม่มีปัจจัยบวก หรือประเด็นที่จะเข้ามาช่วยดัน และจะทำให้ทะลุผ่าน 1,400 จุดได้

เข้าใจว่า คงต้องรอมาตรการของตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับการคุม ขายชอร์ต โปรแกรมเทรด ฯลฯ ที่จะเริ่มทยอยใช้ในช่วงปลายไตรมาส 2 นี้

เพราะหุ้นไทยที่ถูกชอร์ตกันอย่างสนุกสนาน แล้วไปกดดัชนีร่วงลง

คงจะทำกันได้ยากขึ้น เช่นเดียวกับโปรแกรมเทรดถูกคุมเข้มขึ้น

ยังมีประเด็นที่พอจะน่าสนใจเพิ่ม ถือ กรณี “พิชัย ชุณหวชิร” ที่ปรับเปลี่ยนจากประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

จะมีนโยบายด้านตลาดทุนออกมาอย่างไร

เพราะต้องยอมรับว่า เขาเป็นบุคคลที่มีความเข้าใจเรื่องตลาดรองเป็นอย่างดี

ดังนั้น สิ่งที่น่าจะพอไว้ใจหรือเบาใจได้ คือ ไม่น่าจะมีมาตรการอะไรออกมา แล้วเป็นเชิงลบกับตลาดทุน

นับจากนี้คงต้องรอคุณพิชัย เข้างานอย่างเป็นทางการ

และรอฟังนโยบายเกี่ยวกับตลาดเงิน และตลาดทุนนั่นแหละ

ส่วนทิศทางตลาดหุ้นไทย หากไม่มีปัจจัยลบอะไรเข้ามากระแทก ดัชนีน่าจะปรับขึ้นไปได้อีก แต่คงไม่แรง แนวต้าน 1,380–1,382 จุด

โดยดัชนีจะค่อย ๆ ขยับขึ้นไปทีละนิดนั่นแหละ

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button