TEKA บวกแรง 20% หลังโชว์งบ Q1 กำไรโตทะลัก 159%
TEKA บวกแรง 20% หลังโชว์งบไตรมาส 1/67 กำไรโตทะลัก 159% มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10% ตุนแบ็กล็อกแน่น 3.2 พันล้านบาท รับรู้ยาวปี 68
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 พ.ค.67) ราคาหุ้นบริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA ล่าสุด ณ เวลา 15:46 น. อยู่ที่ระดับ 2.54 บาท บวก 0.42 บาท หรือ 19.81% สูงสุดที่ระดับ 2.70บาท ต่ำสูดที่ระดับ 2.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 15.51 ล้านบาท
ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEKA เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 1/2567 มีรายได้จากการก่อสร้างจำนวน 568.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 384.52 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากโครงการของบริษัทฯที่ดำเนินงานอยู่และมีการส่งมอบงานได้มากขึ้นกว่าแผนที่วางไว้ รวมถึงบริษัทมีโครงสร้างรายได้ทั้งหมดมาจากงานภาคเอกชนส่งผลให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 42.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 159.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 16.23 ล้านบาท
โดยบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 75.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 22.05 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.28% และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/2567 คิดเป็น 13.26% และไตรมาส 1/2566 คิดเป็น 13.89% เมื่อเทียบกับรายได้จากการก่อสร้าง
ทั้งนี้กำไรขั้นต้นที่ลดลงนั้นเนื่องจากโครงสร้างรายได้ปัจจุบันมีสัญญาก่อสร้างโครงการใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าโครงการเดิม อย่างไรก็ดี บริษัทพยายามควบคุมต้นทุนและบริหารจัดการโครงการอย่างรอบคอบ รวมไปถึงการขยายงานไปยังโปรเจกต์ที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนภาพรวมธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในระยะยาวได้
นอกจากนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ต่อเนื่องโดยช่วงครึ่งปี 2567 บริษัทได้รับงานโครงการใหม่มาแล้วจำนวน 3 โครงการ รวมมูลค่า 1,600 ล้านบาท คือ โครงการ Standard Huahin ,Via 61 และล่าสุดโครงการ Panora พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าเร็วๆ นี้เตรียมประกาศข่าวดีได้งานเพิ่มเติมอีกเพื่อสนับสนุนผลงานปี 2567
อีกทั้งบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 5-10% เพื่อตอกย้ำผู้นำด้านการก่อสร้างอาคารชั้นนำพร้อมต่อยอดธุรกิจที่เป็นโอกาสสร้างความยั่งยืน รวมถึงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสหวังสร้างเสถียรภาพและความยั่งยืนให้กับองค์กรภายใต้แนวคิด “เราพร้อมสร้างทุกความสำเร็จ เพื่ออนาคตที่กำหนดได้ BUILDING SUCCESS, SHAPING THE FUTURE”