BAFS เปิดงบ Q1/67 กวาดรายได้ 865 ลบ. ตั้งเป้าทำธุรกิจตอบโจทย์ Net Zero
BAFS แจ้งผลประกอบการไตรมาสที่ 1/67 มีรายได้รวม 865.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนกำไรสุทธิโต 82 ล้านบาท พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมการบินสู่การใช้พลังงานสะอาด มุ่งดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนตอบโจทย์ Net Zero
ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินการของ BAFS GROUP ในปี 2567 เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลจากการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจหลัก คือกลุ่มธุรกิจ Aviation เห็นได้จากปริมาณน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณขนส่งน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ (NBPT) ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ของปี 2567 BAFS GROUP มีรายได้รวม 865.60 ล้านบาท มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 82.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสที่ 1/2566 และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 8%
โดย BAFS Group ยกระดับการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth Strategy) โดยมีเป้าหมายโครงสร้างรายได้และความยั่งยืน มุ่งเน้นการกระจายการลงทุนใน 3 ธุรกิจ ทั้งนี้ ในปี 2567 กลุ่มธุรกิจการบิน มีสัญญานเชิงบวกจากการฟื้นตัวของปริมาณนักท่องเที่ยวและนโยบาย Aviation Hub ของรัฐบาล ทำให้กลุ่มบริษัท ตั้งเป้าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานอยู่ที่ 5,000 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน
สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค กลุ่มบริษัทมีแผนลงทุนเพื่อส่งเสริมรายได้ในอนาคต โดยการเชื่อมท่อขนส่งน้ำมันกับ THAPPLINE เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันระหว่างภาคตะวันออกกับภาคเหนือเข้าด้วยกัน คาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากการขนส่งน้ำมันภาคเหนือไม่น้อยกว่า 70% ในระยะยาว ทั้งนี้ ในปี 2567 กลุ่มบริษัทมีเป้าหมายปริมาณการขนส่งน้ำมันผ่านท่อภาคเหนือไว้ที่ 1,100 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อน
ด้านธุรกิจพลังงาน กลุ่มบริษัทยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งมีการกระจายการลงทุนและแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเหมาะสมทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายในการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย อาทิ Solar, Wind, Waste-to-Energy (WTE), Battery Energy Storage System (BESS), Eco Smart Microgrid และ Energy Platform โดยในปี 2567 กลุ่มบริษัทคาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าจะอยู่ที่ 54 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน
อีกทั้ง BAFS Group มุ่งพัฒนาธุรกิจบริการพลังงาน เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยในปี 2567 มีแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero
ทั้งนี้ได้เข้าร่วมเข้าร่วมการเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนในระดับสากล CDP, TCFD รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการพัฒนาเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนเพื่อร่วมผลักดันอุตสาหกรรมการบินสู่การใช้พลังงานสะอาด โดยในปี 2567 นี้ คาดว่ากลุ่มบริษัทจะสามารถเป็น Carbon Neutral Company ได้ทุกบริษัท
นอกจากนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา ได้พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในรอบปี 2566 ในอัตรา 0.22 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น
ดังนั้น บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเป็นอัตรา 0.14 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและเสถียรภาพการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน