“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 331 จุด หลังตัวเลขว่างงานสหรัฐสูง เล็งเฟดเร่งลดดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดพุ่ง 331 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 331.37 จุด หรือ 0.85% ปิดที่ 39,387.76 จุด  ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 26.41 จุด หรือ 0.51%  ปิดที่ 5,214.08 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 43.51 จุด หรือ 0.27%  ปิดที่ 16,346.27 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกวันนี้ ถือเป็นการทำสถิติปรับตัวขึ้น 7 วันติดต่อกันแม้ว่าดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดในแดนลบ ขณะที่นักลงทุนผิดหวังต่อการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง

โดยราคาหุ้น Airbnb, Arm และ Warner Bros Discovery ต่างปรับตัวลง หลังเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด

ด้านนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์หน้า เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

ส่วนเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่แสดงความเห็นสอดคล้องกัน โดยระบุว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไป จนกว่าจะมีความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% อย่างยั่งยืน

ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนก.ย. และปรับลดอีกครั้งในเดือนธ.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 22,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนส.ค.2566 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 215,000 ราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 4,750 ราย สู่ระดับ 215,000 ราย

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 1.79 ล้านราย

Back to top button