แรงซื้อเก็งกำไร หนุนน้ำมันดิบปิดบวก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 2.4% ปิด (14 ม.ค.) ที่ 31.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 2.4% ปิดที่ 31.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมมันดิบปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่สัญญาน้ำมันดิบถูกกระหน่ำขายอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของ EIA ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 234,000 บาร์เรล สู่ระดับ 482.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากรายงานที่ว่าอิหร่านจะส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นราว 1 ล้านบาร์เรล/วันภายในเวลา 6 เดือนหลังจากมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
ด้านธนาคารบาร์เคลย์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันของอิหร่าน โดยระบุว่าอิหร่านมีแนวโน้มผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 700,000 บาร์เรล/วันในไตรมาส 4 ของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2015 ส่วนในวันนี้ (15 ม.ค.) สำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านนิวเคลียร์ขององค์การสหประชาชาติ (UN) เตรียมประกาศรับรองว่า อิหร่านได้ยุติโครงการนิวเคลียร์แล้วตามที่ได้ทำข้อตกลงกับชาติมหาอำนาจ ซึ่งจะเป็นการปูทางให้มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร และทำให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันในตลาดโลก