การเมืองห่วย..หุ้นไทยแย่

จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเอาเรื่องการเมืองมาผูกติดกับตลาดหุ้น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถแยกเรื่องดังกล่าวออกมาได้ เพราะมันสัมพันธ์กันในทุกมิติ


จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเอาเรื่องการเมืองมาผูกติดกับตลาดหุ้น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถแยกเรื่องดังกล่าวออกมาได้ เพราะมันสัมพันธ์กันในทุกมิติ เดี๊ยนถึงมองว่าการขึ้นของหุ้นไทยต่อจากนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ “เสี่ยนิด” และมีนายใหญ่ “โทนี่” เป็นคนคอยบงการ กำลังถูกสังคมขุดคุ้ยเรื่องลับ ๆ ล่อ ๆ ออกมาแฉให้ทุกคนได้รับรู้น่ะซี

โดยเฉพาะประเด็นที่ลูกสาวตัวดีของนายใหญ่ทำปากดีในที่สาธารณะ และยังทำเป็นอวดรู้เรื่องการทำงานของแบงก์ชาติ แต่พอเจอสื่อดักรอเพื่อสอบถามประเด็นดังกล่าว กลับวิ่งแจ้นหนีกองทัพสื่ออย่างกับ.. เลยทำให้โลกโซเชียลปั่นกระแสเรื่องนี้กันอย่างเมามัน และพากันสมน้ำหน้าอย่างสนุกสนาน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เหมือนเป็นการสั่งสอนอีหนูว่า อย่าปากเปราะ!..อิอิอิ

ไม่เพียงเท่านั้น! ยังมีเรื่องข้าว 10 ปีภายใต้การนำของ “พี่อ้วน” ก็ทำให้สังคมก่นด่าพรรคเพื่อไทยอย่างหนัก และแนะนำให้เอาข้าวดังกล่าวไปให้คนในพรรคกินกันเองแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นการตบหน้าฉาดใหญ่ที่ทำให้คนที่เกี่ยวข้องหน้าสั่นไปตามกัน ขณะเดียวกันจะเห็นว่าแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมก็ไม่เห็นมีออกมาสักอย่าง และอย่าลืมว่าการปล่อยให้ดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 31.44 บาทแบบนี้..ไม่ดีแน่ ๆ เจ้าค่ะ

เนื่องจากจะเป็นตัวเร่งให้ของแพงขึ้นอีกอย่างแน่นอน เพราะราคาน้ำมันดีเซลมันเป็นต้นทุนสำคัญในการขนส่งสินค้า แล้วคนจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่างไร?  และเป็นตัวแปรที่ทำให้คนต้องประหยัดมากขึ้นกว่าเดิม “โมนิก้า” ถึงมองว่า การแกว่งตัวไปมาของดัชนี ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,371.90 จุด บวกไป 2.61 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.64 หมื่นล้านบาทเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหน้าเสื่อนะตัวเอง

ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับการล้มตายของธุรกิจบางอย่าง คือภาพที่ชี้ให้เห็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกำลังมีปัญหา และภาพนี้ก็ดูได้ธุรกิจเต็นท์รถมือสองเจ้าใหญ่ที่เพิ่งปิดตัวไปไม่นาน น่าจะทำให้การปล่อยสินเชื่อต่อจากนี้มีอาการรวนอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันการมาของรถอีวีก็ทำให้ห่วงโซ่ธุรกิจยานยนต์สันดาปเริ่มมีปัญหา และภาพตรงนี้จะเห็นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปีหน้าพะย่ะค่ะ

เหล่านี้เป็นข้อมูลที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับไปลองคิดดูว่า จริงไหม? และถ้ามีสิทธิ์เป็นเหมือนที่ประเมินไว้ นักลงทุนควรจัดพอร์ตอย่างไร? เพราะสิ่งที่ทำให้หุ้นบางตัวทะยานสวนตลาดหุ้นอย่างร้อนแรง มันมาจากประเด็นของกำไรโตเพียงอย่างเดียว ส่วนอิทธิพลของตลาดหุ้นต่างประเทศก็มีผลต่อตลาดหุ้นไทยในบางครั้ง (เขาขึ้นกันทีไร เราก็ขึ้นบ้าง ไม่ขึ้นบ้าง แต่พอเขาลง เราก็ลงแรงทันที)..จำได้ไหมเอ่ย?

ตรงนี้เป็นจุดเชื่อมต่อกับเรื่อง ลงดอกเบี้ย? ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกพูดกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นมีประเทศไหนลงกันสักที ขณะเดียวกันก็พบว่า ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อที่ทั่วโลกบอกจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่วันนี้ก็ยังไม่เห็นมีอะไรที่เป็นรูปธรรมเลยสักอย่าง “โมนิก้า” ถึงมองว่า การลงทุนในวันนี้อยู่บนความเลื่อนลอยหลายอย่าง จึงเป็นแรงกดดันที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวออกด้านข้างเป็นส่วนใหญ่ไงล่ะคะ

ที่น่าสนใจคือ การจัดสรรตำแหน่งของ ครม. ก็ยังไม่นิ่งเสียที และมีปัญหาให้ตามแก้ไม่หยุดหย่อน “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า ขุนคลังคนใหม่ยังจะเหนียวแน่นขนาดไหน? ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้สังคมต้องตามเผือกแบบใกล้ชิด หลังนโยบายหลายอย่างที่เป็นมิตรกับตลาดหุ้นกำลังถูกขับเคลื่อนออกมา แถมขุนคลังคนใหม่กำลังเป็นกาวใจกับแบงก์ชาติพอดี เดี๊ยนเลยเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะดีขึ้นนะคะ

ป.ล. หุ้นขนาดใหญ่ และขนาดกลาง ยังอยู่ในอาการเมาหมัด “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า สัปดาห์นี้ดัชนีน่าจะยังไปได้ไม่ไกล ผนวกกับสัญญาณเทคนิคหลายตัวยังไม่แสดงทิศทางที่ชัดเจนว่า ดัชนีจะขึ้น! เลยต้องดูกันต่อไปว่า เส้น 10 วัน เส้น 25 วัน และเส้น 75 วัน จะเริ่มผงกหัวพร้อมกันเมื่อไหร่? เพราะเท่าที่เห็น ณ เวลานี้คือ ทั้ง 3 เส้นกำลังโค้งมาหากันมากกว่า ดัชนีเลยต้องแกว่งตัวไปต่อพะย่ะค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button