หุ้นที่ขยับแรง
แม้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนอย่างหนักจากความไม่มั่นใจในหลายเรื่อง แต่ในสถานการณ์ดังกล่าวกลับมีหุ้นบางตัวที่สวนกระแสได้อย่างน่าทึ่ง
แม้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนอย่างหนักจากความไม่มั่นใจในหลายเรื่อง แต่ในสถานการณ์ดังกล่าวกลับมีหุ้นบางตัวที่สวนกระแสได้อย่างน่าทึ่ง “โมนิก้า” จึงอยากเม้าท์ถึงหุ้นเหล่านี้เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับพวกขาลุย เพราะการขึ้นเที่ยวนี้ถูกแบ็คอัพด้วยกำไรไตรมาส 1 โตแรง และดูเหมือนตลาดหุ้นจะให้น้ำหนักกับหุ้นเหล่านี้มากเสียด้วย เดี๊ยนถึงไม่อยากพลาดช็อตสำคัญเที่ยวนี้พะย่ะค่ะ
เนื่องจากเห็นกันชัด ๆ ว่า ดัชนีคงขึ้นได้ไม่ไกล เพราะภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไม่ไปทางเดียวกัน เพราะบางตัวก็ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา แต่บางตัวก็กำไรลดฮวบฮาบ หรือแม้กระทั่งยังไม่สร่างจะพิษขาดทุน เดี๊ยนเลยเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,372.50 จุด บวกไป 0.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.55 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นสถานการณ์ดีสุดในภาวะการลงทุนแบบนี้นะคะ
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า ต่างชาติยังแผลงฤทธิ์ได้เรื่อย ๆ ส่วนกองทุนก็ยังแทงกั๊กตลอดเวลา ส่วนรายย่อยก็เริ่มหมดกระสุน จึงทำให้การเคลื่อนตัวของตลาดหุ้นไทยอ่อนปวกเปียกเหลือเกิน แถมมาเจอการเมืองแบบบ้า ๆ บอ ๆ เพราะในแต่ละวันมัวแต่หาเหาใส่หัว จนบรรดากองเชียร์เปลี่ยนใจไปเป็นกองแช่ง “โมนิก้า” ถึงไม่แน่ใจว่า การขึ้นเที่ยวนี้จะมั่นคงเพียงใดนะจะบอกให้
เหมือนกับการทะยานขึ้นของหุ้นร้านสะดวกซื้อ CPALL ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 60.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.85 พันล้านบาท พร้อมกับโชว์กำไรไตรมาส 1 ปี 67 ทะลุขึ้นไป 6.31 พันล้าน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.12 พันล้าน มันเป็นคนละภาพกับก่อนหน้านี้ที่เม้าท์กันว่า คนไม่มีเงิน? และทำให้เดี๊ยนคิดต่อไปว่า ปลายปีจะมีเงินดิจิทัลหมื่นบาทซัพพอร์ตอีกทอดหนึ่งแบบนี้..ยาวสิคะ
ประเด็นดังกล่าวถูกย้ำหัวหมุดด้วยเบอร์เกอร์ที่ขายในเซเว่นอย่าง NSL ปั๊มกำไรขึ้นมาแตะระดับ 127 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 75 ล้านบาท และเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 28.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 130 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time high และมีแนวโน้มที่จะเล่นกันยาว ๆ แบบนี้ เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า ถ้าหุ้นย่อ..ก็น่าเก็บนะจ๊ะ
ส่วนที่มาแรงแซงทุกทางโค้ง “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นเครื่องดื่มชูกำลัง CBG หลังโชว์กำไรโตกระโดดขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 628 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 263 ล้านบาท น่าจะมาจากอานิสงส์การผลิตขวดเบียร์ และขนส่งเบียร์เป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งเรื่องนี้หลายคนได้ยินข่าวมาตั้งแต่ปีก่อน แต่ไม่มีใครคิดว่า กำไรจะโตแรงแบบนี้ และเชื่อว่า หุ้นจะไม่หยุดแค่การยืนปิดที่ 71.25 บาท บวกไป 4.25 บาท หรือขึ้นไป 6.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาทหรอกค่ะ
เช่นเดียวกับหุ้นสายการบิน BA ก็กระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 18.10 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 7.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 247 ล้านบาท ก็มาจากเรื่องกำไรโตอีกเช่นกัน และถ้าดูจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก็พอเดาได้ว่า ปีนี้กำไรมาแบบจัดเต็มอย่างแน่นอน ผนวกกับการที่หุ้นเทรดบน PE 12 เท่า ก็มั่นใจได้ว่า ราคาหุ้นยังมีแก๊ปให้วิ่งอีกบานตะไท..จริงหรือไม่ ก็ลองไปคิดกันดูนะตัวเอง
อีกรายที่โตแบบเบา ๆ แต่มาด้วยความมั่นใจ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น ADVICE หลังจมปลักในทิศทางขาลงเป็นเวลานาน แต่ทันทีที่ประกาศกำไรออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ก็ทำให้นักเล่นกระโจนเข้ามาไล่ราคากันอุตลุด จนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.20 บาท บวกไป 0.34 บาท หรือขึ้นไป 8.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 106 ล้านบาท แถมเป็นการผงกหัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือนครึ่งแบบนี้..น่าเล่นต่อไหมล่ะคะ
ตบท้ายกันที่หุ้น EA หลังรูดลงมาปิดที่ 26 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 11.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.78 พันล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ในรอบ 7 ปี ก็เป็นช็อตที่น่าเห็นใจมาก ๆ สำหรับหุ้นที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายธุรกิจ เพราะถ้าดูในแง่ของนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เข้ามาทดแทนรายได้ขายไฟที่ลดลง น่าจะช่วยให้หลายอย่างดีขึ้นในอนาคต เลยทำให้ช่วงนี้เป็นจังหวะของการ “wait & see” เท่านั้นจ้า!
โมนิก้า: และทีมงาน