“สุเชษฐ์” คัด 5 หุ้นน่าลงทุน ผลงานโตต่อเนื่อง
“สุเชษฐ์ สุขแท้” มอง SET ไซด์เวย์ แนะติดตามการทยอยรายงานงบไตรมาส 1/67 ของบริษัทจดทะเบียนไทย และการฟื้นกองทุน LTF ทั้งนี้คัด 5 หุ้นผลงานเติบโตต่อเนื่อง
นายสุเชษฐ์ สุขแท้ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายมีเดียมาร์เก็ตติ้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด หรือ ASL กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (14 พ.ค.67) ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย (SET Index) เป็นลักษณะการแกว่งออกด้านข้าง แต่ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นผ่านกรอบดัชนีที่ระดับ 1,385 จุด โดยปัจจัยหลักที่เป็นตัวดำเนินตลาดหุ้นไทยได้ในช่วงนี้คือ ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/67 ของบริษัทจดทะเบียนในไทย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วงบการเงินออกมาดี
นอกจากนี้ กองทุน LTF ที่จะเริ่มเข้าสู่ระบบตลาดหุ้นในวันที่ 21 พ.ค.นี้ จะเป็นปัจจัยเข้ามาสนับสนุนการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย และการลงทุนในระยะกลางที่เหมาะสำหรับการลดดอกเบี้ยและภาษี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน จะออกกองทุน LTF เพื่อให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตต่อเนื่อง
โดยมองว่าหุ้นเด่นที่น่าลงทุนใน LTF และได้รับประโยชน์อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่ย้ายฐานผลิตมาไทย ได้แก่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA, บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA และ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA ที่ราคาหุ้นค่อยๆปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนในไทยลงทุนมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำคัดเลือกหุ้นที่รายงานผลการดำเนินงานออกมาดี และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งแบ่งออกตามกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ 1.) กลุ่มเกษตร (ยาง) แนะนำหุ้นของ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ได้รับประโยชน์จากราคายางในญี่ปุ่นและสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยให้แนวต้านไว้ที่ 17.00-17.50 บาท
2.) กลุ่มโรงแรม เนื่องจากผลการดำเนินงานของ บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA ออกมาดี และคาดการณ์ว่าจะเป็นผลกระทบเชิงบวกต่อ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ให้ราคาเป้าหมายที่ 5.50-6.00 บาท และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 36 บาท
3.) กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร แนะนำหุ้นของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ที่รายงานผลการดำเนินงานออกมาดี ประกอบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารผลงานออกมาดีกว่าคาดการณ์ด้วยเช่นกัน จะเป็นปัจจัยบวกต่อผลงานในอนาคตของบริษัทฯ ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่อง และ 4.) กลุ่มธนาคาร แนะนำ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL โดยเลือกให้เป็นหุ้นเด่นในเดือนพ.ค.นี้ ให้ราคาเป้าหมายที่ 145 บาท
“ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป คือหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ทยอยประกาศผลการดำเนินงานออกมา ขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต รองรับการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีและการพัฒนา AI ต่างๆในต่างประเทศและในไทย ตลอดจนความก้าวหน้าของรถยนต์ไฟฟ้า (EV)” นายสุเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย