PCC โกยรายได้ Q1 แตะ 1.2 พันล้าน โต 14% รับรู้ยอดขายอุปกรณ์ไฟฟ้า-ก่อสร้างหนุน
PCC รายงานรายได้ไตรมาส 1/67 แตะ 1.2 พันล้านบาท เติบโต 14% อานิสงส์ยอดขายสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้าและอุปกรณ์ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ พร้อมงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ลุ้นรายได้ปีนี้เติบโต 10% ตามแผน!
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,202.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,052.60 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทฯ มี โครงสร้างรายได้สำหรับไตรมาส 1/2566 มาจากรายได้การขายอยู่ที่ 56.90% ส่วนบริการและโครงการก่อสร้างอยู่ที่ 53.80% ขณะที่ในไตรมาส 1/2567 รายได้จากการขายการให้บริการอยู่ที่ 42.70% และโครงการก่อสร้างอยู่ที่ 45.50%
ทั้งนี้รายได้จากการขายไตรมาส 1/2567 มีรายได้อยู่ที่ 647.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 599.04 ล้านบาท เนื่องจากการขายสินค้าให้กลุ่มลูกค้าภาครัฐและเอกชนที่เป็นผู้รับเหมาหลักของงานสถานีไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยหลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง, หม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย, กลุ่มสินค้าสวิตช์ตัดตอนชนิดต่างๆ, โหลดเบรคสวิตซ์และกลุ่มอุปกรณ์ รวมถึงระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ อาทิ อุปกรณ์ในกลุ่มมิเตอร์
ส่วนรายได้จากการให้บริการโครงการก่อสร้างไตรมาส 1/2567 มีรายได้อยู่ที่ 547.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.84% จากปีก่อนมีรายได้อยุ่ที่ 449.44 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลัก คือ การเพิ่มขึ้นของรายได้สำหรับงานบริการก่อสร้าง อาทิ งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงจากงานโครงการสถานีไฟฟ้าแรงสูง 500/230 กิโลโวลต์แม่เมาะและจังหวัดลำพูน, งานระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะจากงานโครงการติดตั้งขยายของงาน FDI (Feeder Device Interface) 4 ภาค ซึ่งเป็นสัญญาต่อเนื่องของงานโครงการ SCADA ที่จบโครงการไปแล้ว รวมถึงงานบริการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูงจากการงานติดตั้งอุปกรณ์ โหลดเบรกสวิตซ์
ทั้งนี้ไตรมาส 1/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 89.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 82.80 ล้านบาท สาเหตุหลักที่กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2567 เติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4.63 พันล้านบาท เนื่องจากเห็นศักยภาพในการเติบโตจากอุตสาหกรรมไฟฟ้าระบบ Smart Grid หรือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกันทำให้ระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันจำนวนรถไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มมากขึ้นจากนโยบายสนับสนุนจากทางภาครัฐ