OSP บวก 5% นิวไฮรอบ 4 เดือน เก็งผลงาน Q2 โตต่อ แนะซื้อเป้า 24.40 บ.

OSP บวก 5% นิวไฮรอบ 4 เดือน โบรกแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท มองแนวโน้มกำไรไตรมาส 2 เติบโตดีเมื่อเทียบกับปีก่อน เตรียมออกสินค้าใหม่หนุนรายได้โต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(29 พ.ค.67) บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ณ เวลา 11:31 น. อยู่ที่ระดับ 22.40 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 4.67% ราคาสูงสุด 22.60 บาท ราคาต่ำสุด 21.30 บาท ด้วยมูลซื้อขาย 701.49  ล้านบาท ราคาหุ้นแรงในรอบ 4 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 21.50 บาท เมื่อวันที่ 9 ม.ค.67

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์(17 พ.ค.67) แนะนำซื้อหุ้น OSP ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท มองแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/67 จะเติบโตดีเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนจากไตรมาสก่อนลุ้นทรงตัวถึงขึ้นเล็กน้อย

ขณะที่ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้ปีนี้โต mid-single digit รายได้ในประเทศยังโตต่อเนื่องจากเครื่องดื่มชูกำลัง ที่ได้แย่งส่วนแบ่งการตลาดกลับมาได้เพิ่ม และ Personal care เตรียมออกสินค้าใหม่ เบื้องต้นคาดการณ์รายได้ต่างประเทศอาจอ่อนลงจากไตรมาสก่อนตามฤดูกาล แต่ยังมองว่าโตดี 18% จากปีก่อนและคาดการณ์รายได้ในประเทศจะยังเติบโตได้

ส่วนแนวโน้มครึ่งหลังของปี 67 ต้องอาศัยการเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพการผลิตเป็นหลัก เนื่องจากไตรมาส 3 เป็นโลว์ซีซั่นของทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่สถานการณ์โดยรวมยังดูดีกว่าประมาณการที่ฝ่ายวิจัยทำไว้ ปัจจุบันคาดการณ์กำไรปกติปี 67 เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน

ด้านนางสาวรติพร ราษฎร์เจริญ Group Chief Financial Officer บมจ.โอสถสภา (OSP) เปิดเผยว่าบริษัทคงเป้าการเติบโตของรายได้ปี 67 โดยคาดว่าจะเติบโตแบบตัวเลขหลักเดียว (1-Digit) ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดจะยังเติบโตต่อเนื่องตามแผน โดยส่วนแบ่งทางการตลาดและปริมาณขายจะค่อย ๆ ฟื้นตัวจากยอดขายกลุ่ม Energy Drink ในประเทศ ประกอบกับกลุ่ม Functional Drink ที่เริ่มเห็นแนวโน้มดีขึ้นค่อนข้างดี และยอดขายในต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งจะมีการออกผลิตภัณฑ์ Personal care รวมทั้งแคมเปญต่าง ๆ ในไตรมาส 2/67และไตรมาส 3/67 นอกจากนี้ช่วงที่เหลือของปีเตรียมออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอีก อย่างน้อย 4 SKUs

ขณะที่การขยายตลาดต่างประเทศบริษัทพยายามจะขยายในประเทศใกล้เคียงทั้งหมด ซึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายเข้าไปในประเทศอินโดนีเซีย และครึ่งปีหลังจะกลับเข้าไปขยายในเวียดนาม อย่างไรก็ตามปัจจุบันสถานการณ์ตลาดในต่างประเทศค่อนข้างฟื้นตัวช้าเล็กน้อย โดยเฉพาะในพม่าที่เป็นตลาดใหญ่ของบริษัท สถานการณ์ในประเทศยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งบริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์

ผลการดำเนินงานไตรมาส1/67 บริษัทฯ เติบโตโดดเด่นทั้งในด้านรายได้และผลกำไรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาและไตรมาสก่อน ด้วยกลยุทธ์ความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) ช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์การตลาดที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้ไตรมาส 1/67 รายได้จากการขายอยู่ที่ 7,260 ล้านบาท เติบโต 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และ 11.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (เทียบไตรมาสก่อนหน้า) สะท้อนการเติบโตของทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น ที่ 15.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 8.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ซึ่งช่วยชดเชยการหดตัวลงของรายได้จากการให้บริการผลิตสินค้า (OEM) ทั้งนี้รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มขยายตัวจากปัจจัยด้านปริมาณการขายและกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ขณะที่กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 828 ล้านบาท เติบโต 6.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เติบโต 91.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 73.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 39.9% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.4% เติบโต 4.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เติบโต 2.3% เทียบไตรมาสก่อนหน้า

Back to top button