การเมืองเรื่องของทักษิณ
ความร้อนแรงทางการเมืองของไทยยามนี้กลับมาสู่ความสนใจอีกครั้งหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 สว. ที่กล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน
ความร้อนแรงทางการเมืองของไทยยามนี้กลับมาสู่ความสนใจอีกครั้งหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 สว. ที่กล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน กรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบานเป็นรมต.โดยที่รู้อยู่แล้วว่านายพิชิตมีข้อบกพร่องไม่สามารถดำรงตำแหน่งรมต.ได้ และให้โอกาสนายเศรษฐาชี้แจงภายใน 15 วัน
เรื่องนี้นักวิเคราะห์ทางการเมืองชี้ว่า นายเศรษฐาน่าจะใช้เทคนิคซื้อเวลาไปจนถึงกลางเดือน กรกฎาคม แต่ข้อสำคัญคือมีการชี้ว่าเรื่องการแต่งตั้งนายพิชิตนี้โยงถึงนายทักษิณด้วยเพราะในคำร้องของ 40 สว. ได้อ้างถึงการหารือระหว่างนายเศรษฐากับนายทักษิณในการแต่งตั้งนายพิชิต ซึ่งน่าจะทำให้เข้าข่ายการยุบพรรคเพื่อไทยได้ในข้อหาเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้ามาครอบงำพรรค
เรื่องนี้รุนแรงถึงขั้นนายเศรษฐาต้องเดินทางไปปรึกษานายวิษณุ เครืองาม เนติบริกรชื่อดัง เพราะมีข่าวลือตามมาว่านายกฯ เศรษฐาจะใช้กฎหมายพิเศษแต่งตั้งนายวิษณุให้เป็นที่ปรึกษาเลขาฯ ครม.
กรณีที่เกิดขึ้นทำให้มีการตีความตาม ๆ กันว่า 40 สว. เป็นตัวแทนของกลุ่มการเมืองขั้วอำนาจเก่าที่นำโดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดถ้านายเศรษฐาถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร กำลังออกเดินสายสร้างฐานมวลชนในเขตภาคอีสานก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตนเองแก่แล้วคงจะไม่มีอำนาจอะไรไปต่อสู้กับกลุ่มการเมืองที่มุ่งร้ายต่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ออกมาตีความว่าทักษิณรู้อยู่แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง 40 สว. และกำลังหาทางตอบโต้ในทางใดทางหนึ่ง การที่ทักษิณให้สัมภาษณ์ว่ารู้อยู่แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จึงเป็นการเตือนถึงพรรคพลังประชารัฐโดยตรง
เกมการเมืองที่เข้มข้นเช่นนี้ทำให้คำวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์และคำพูดของนักวิชาการที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยกำลังอิ่มเอมกับอำนาจและอภิสิทธิ์ของการประนีประนอมกับอำนาจรัฐภายใต้ยุทธวิธีสู้ไปกราบไปที่พรรคเพื่อไทยใช้อยู่เพื่อบรรลุเป้าหมาย 3 ขั้น คือ 1.นำยิ่งลักษณ์กลับประเทศไทย 2.ผลักดันให้แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกฯ 3.ฟื้นอำนาจพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นี้ใกล้เคียงความจริงมากขึ้น
เพียงแต่ข้อเท็จจริงจากโพลของสถาบันพระปกเกล้าฯ ที่ออกมาล่าสุดเผยว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะไม่ประสบความสำเร็จเพราะความนิยมของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งถดถอยลง ขณะที่ความนิยมเทไปให้พรรคก้าวไกลสูงมาก น่าจะเป็นสัญญาณเตือนให้ทักษิณ ชินวัตร และพรรคพวกได้ทบทวนตัวเองอีกครั้งว่าถ้ายังฝืนใช้ยุทธวิธีสู้ไปกราบไปน่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยต้องพ่ายแพ้ในเวทีของการเลือกตั้งครั้งต่อไป เว้นเสียแต่พรรคเพื่อไทยจะใช้วิธีการขายตัวเองอย่างถึงที่สุด ด้วยการทำให้ไม่มีการเลือกตั้ง
เกมการเมืองที่เกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร จะเดินไปบนเส้นทางแห่งอำนาจที่อยู่ตรงข้ามกับกระแสความต้องการของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มพลังใหม่ของสังคมไทยที่เรียกว่า TRR (Thai Reasonable Royalists) ที่นับว่าจะเติบโตมากขึ้น
วิษณุ โชลิตกุล