MEGA ลุยขยายตลาดตปท. หวังดันกำไรปี 68 แตะ 2.4 พันล้านบาท

MEGA กลางแผนดำเนินธุรกิจปี 2562-2568 เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ หวังหนุนกำไรสุทธิในปี 2568 แตะ 2,400 ล้านบาท ชูจุดเด่นบริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจอบโจทย์ผู้บริโภค


นางสุจินตนา บุญวรภัทร เลขานุการ บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 30 พ.ค.67 ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 477.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.43% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 453.01 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,754.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีรายได้รวม 3,745.88 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ในส่วนของธุรกิจ MEGA WECARE รวมถึงฟาร์มาซูติคอลและโอทีซี เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และจากรายได้ธุรกิจของ maxxcare เพิ่มขึ้น 1.2%

นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MEGA เปิดเผยถึงแผนในอนาคต โดยบริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิภายในปี 2562-2568จะเติบโตขึ้นไปแตะ 2,400 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมีการต่อขยายโรงงานในอินโดนีเซียเพื่อประสิทธิภาพในการผลิตและเร่งการขายยาในอินโดนีเซียมากขึ้น และยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายตัวที่กำลังทำการพัฒนาในอินโดนีเซียนอกจากที่นำเข้า เพราะตามกฎเกณฑ์ในอินโดนีเซียจะต้องผลิตสินค้าภายในประเทศ ซึ่งตามแผนภายในปี 2571 คาดการณ์ว่าบริษัทจะมียอดขายประมาณ 30-40 ล้านเหรียญ และเป้ายอดขายในปี 2573 ประมาณ 50 ล้านเหรียญ

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในการตั้งโรงงานที่เวียดนาม ทางบริษัทได้รับการอนุญาตแล้ว และขณะนี้อยู่ในระหว่างการซื้อที่ดิน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการเจรจรา ถ้าทางบริษัทดำเนินการตามกระบวนการต่างๆ ตามขั้นตอนได้เสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาสที่ 4/2567

นอกจากนี้ในส่วนของไนจีเรียทางบริษัทมองว่าในอนาคตประชากรของไนจีเรีย น่าจะมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นยอดขายในไนจีเรียก็น่าจะเติบโตขึ้น โดยทางบริษัทกำลังเตรียมตัวเพื่อที่จะขยายและขึ้นทะเบียนสินค้าใหม่ๆ ซึ่งในอนาคตยอดขายก็น่าจะเพิ่มมากขึ้น  ทั้งนี้ทางบริษัทได้มีการจัดการในเรื่องของการปรับสินค้าขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมีการทยอยปรับขึ้นให้มากกว่าในส่วนของการอ่อนค่าของค่าเงินไนจีเรีย

ทั้งนี้ในด้านการแข่งขันทางธุรกิจ ทางบริษัทมองว่าในเรื่องของคู่แข่งก็ยังมีมาเรื่อยๆ แต่ทางบริษัทก็มีหลากหลายตลาดในการที่จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์แต่ละตัวของบริษัท และทางบริษัทก็มีผลิตภัณฑ์หลายตัวที่มีความแตกต่างกันออกไป และบริษัทมีจุดเด่นตรงที่มีจุดยืนของตัวเองในแต่ละประเทศ อีกทั้งมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและดำรงอยู่ในตลาดมานานแล้ว อีกทั้งทางบริษัทนั้นมีทีมงานที่แข็งแกร่งในการทำตลาด ทำให้ขยายตลาดได้มากขึ้น

“ทางบริษัทก็มีแพลนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 67 โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ฟาร์มาซูติคอลมีทั้งหมด 42 ตัว ผลิตภัณฑ์ชนิดอาหารเสริมมีทั้งหมด 13 ตัว ผลิตภัณฑ์ที่เป็นยามีทั้งหมด 29 ตัว โดยในด้านของสัดส่วนรายได้ในประเทศไทย 20% และสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศ 80% ทั้งนี้บริษัทมีแพลนที่จะขยายกิจการที่ออสเตรเลียอีกด้วย” นายวิเวก กล่าว

Back to top button