“ดาวโจนส์” ปิดเด้ง 575 จุด คลายกังวลเงินเฟ้อ หลัง PCE สอดคล้องคาดการณ์

ดัชนีดาวโจนส์ปิดเด้งกว่า 500 จุด นักลงทุนคลายกังวลเงินเฟ้อ หลังสหรัฐเปิดตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์


ผู้สื่อข่าวรายงาน (1 มิ.ย.67) ว่า ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันศุกร์ (31 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,686.32 จุด เพิ่มขึ้น 574.84 จุด หรือ +1.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,277.51 จุด เพิ่มขึ้น 42.03 จุด หรือ +0.80% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,735.02 จุด ลดลง 2.06 จุด หรือ -0.01%

สำหรับดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์วันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 เนื่องจากการปรับโพสิชันการลงทุนในช่วงสิ้นเดือนได้หนุนตลาดขึ้นอย่างมากในช่วงท้ายตลาด ขณะที่ดัชนีหุ้นหลักทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ค.

ในเดือนพ.ค. ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 2.4%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 4.8% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 6.9%

แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.9%, ดัชนี S&P500 ลดลง 0.5% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.1% โดยดัชนี S&P500 และ Nasdaq ลดลง หลังบวกต่อเนื่องนาน 5 สัปดาห์

หุ้นเกือบทุกกลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 2.5% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีปิดลบเล็กน้อย

ด้าน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเมื่อเทียบ

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3%

ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และคาดว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนธ.ค.

สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นแก๊ป (Gap) ซึ่งทำธุรกิจจำหน่ายเสื้อผ้า พุ่งขึ้น 28.6% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายประจำปี และเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกสูงเกินคาด

หุ้นเดลล์ร่วง 17.9% หลังคาดการณ์ผลกำไรไตรมาสปัจจุบันต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

หุ้นทรัมป์ มีเดีย แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป ร่วง 5.3% หลังคณะลูกขุนรัฐนิวยอร์กตัดสินความผิดของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ฐานปลอมแปลงเอกสารเพื่อปกปิดการจ่ายเงินลับให้กับดาราหนังผู้ใหญ่รายหนึ่งก่อนการเลือกตั้งในปี 2559

Back to top button